นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (6ม.ค.64) คาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,495-1,520 จุด โดย “กลุ่มพลังงาน” คาดหนุนตลาดหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแรงราว 5% จากการปรับลดกำลังการผลิตของซาอุดิอาระเบียอย่างสมัครใจ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันซึ่ง Surprise ตลาด
อย่างไรก็ตามมีปัจจัยถ่วงจากหุ้น DELTA ที่ตลาดฯประกาศให้ติด Cash Balance 3 สัปดาห์ ทำให้มีโอกาสเผชิญ “แรงขาย” วันนี้ ส่วนสถานการณ์ติดเชื้อ COVID-19 ยังคงต้องจับตาช่วง 7-14 วันข้างหน้า ซึ่งหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น คาดว่าภาครัฐจะมีมาตรการควบคุมออกมาเพิ่มเติมและยังมีความเสี่ยงเรื่องการ Lockdown
อย่างไรก็ตามแนวโน้มกระแสเงินทุนโดยรวมคาดว่ายังไหลเข้าจากความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังของปี 64 หลังมีการเริ่มใช้วัคซีน รวมถึงให้จับตาผลการเลือกตั้งส.ว.รัฐจอร์เจียเช้านี้ หากพรรคเดโมแครตชนะ 2 ที่นั่ง จะทำให้มีมีอำนาจควบคุมทั้ง 2 สภา และเดินหน้านโยบายขึ้นภาษีนิติบุคคลได้ง่ายขึ้น คาดหนุนเม็ดเงินไหลเข้าตลาดเกิดใหม่รวมถึงเอเชีย
โดยการลงทุน ระยะสั้น ฝ่ายวิจัยชอบกลุ่มที่ถูกกระทบจาก COVID-19 จำกัดอย่าง “กลุ่มโรงไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ –ยานยนต์-โลจิสติกส์” ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน เลือกลงทุนในหุ้นที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ต่ำ//ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,400 จุด สำหรับหุ้นเด่นเดือน ม.ค. ได้แก่ DOHOME, KBANK, MAKRO, RBF, SPALI
ส่วนการลงุทนหุ้นเด่นวันนี้ (6 ม.ค.64) แนะนำ “JWD” แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/64 ยังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง เพราะทั้งธุรกิจในไทยและต่างประเทศเติบโตได้ดีตามทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวหนุนความต้องการเช่าคลังสินค้า ห้องเย็น รวมถึง Barge Terminal ที่มีปริมาณขนตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้คาดผลกระทบจาก COVID-19 จำกัด ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างปรับประมาณการกำไรขึ้น จากปัจจุบันที่คาดปี63 ลดลง 19% จากปีก่อน และปี 64 ฟื้นตัวเด่น 21% จากปีก่อน แนะนำ “ซื้อ” อยู่ระหว่างปรับราคาเป้าหมายขึ้นจากปัจจุบันที่ 10 บาท
ด้านตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 167.71 จุด หรือ 0.55% ปิดที่ 30,391.60 จุด ฟื้นตัวหลังปรับลงในช่วงที่ผ่านมา ท่ามกลางการติดตามการเลือกตั้งสภาชิกวุฒิสภารอบสองในรัฐจอร์เจีย ซึ่งหากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งจะผลักดันมาตรการปรับขึ้นภาษี นอกจากนี้ มีรายงานดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับขึ้นเป็น 60.7 ในเดือนธ.ค. จาก 57.5 ในเดือนพ.ย.63 และสูงกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 56.6
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปรับลง จากความกังวลเกี่ยวกับมาตรการล็อกดาวน์ในอังกฤษและเยอรมนี ส่วน ตลาดเอเชียปรับตัวผสม ท่ามกลางการติดตามจีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนธ.ค.จากไฉซิน ด้านราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 7.8 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,954.4 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ก่อนรู้ผลเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบสองในรัฐจอร์เจีย SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,186.78 / -1.17
www.mitihoon.com