HANA ผู้ผลิตชิ้นส่วนระดับ TOP 5 ของโลกกำลังไปได้สวย

2609

มิติหุ้น-จากบทวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า Hana Microelectronics (HANA) ผู้ผลิต Semiconductor ชั้นนำระดับ ASEAN และมีประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจดังนี้

HANA เป็นตัวแทนของผู้ผลิตชิ้นส่วนฯ ในไทยระดับ Top 50 ของโลก ที่สินค้าส่วนใหญ่อิงกับตลาดผู้บริโภค (Consumer) กำลังเข้าสู่รอบการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี 5G ซึ่งจะเร็วกว่าและกระทบวงกว้างในหลายอุตสาหกรรม เมื่อเทียบกับ 4G ด้วยแรงกระตุ้นจากผู้ให้บริการในจีนเร่งขยายโครงข่ายและผลักดันสินค้า 5G เข้าสู่ตลาดโลก โดยเริ่มต้นในตลาดสมาร์ทโฟนที่เป็นสินค้าหลักของบริษัท สนับสนุนการเติบโตกำไรเฉลี่ย (CAGR) +13% ในปี 2564-65 หลังจากหดตัว 2 ปีติดต่อกัน นอกจากนี้ HANA จะได้ประโยชน์ในอนาคตที่การใช้งานที่เกิดขึ้นในหลายธุรกิจ ช่วยต่อยอดการเติบโตของบริษัทไปพร้อมกับตลาด Semiconductor ในระยะยาว

ธุรกิจที่ดี….ในทำเลที่ได้เปรียบ

ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ทั้งผลิตภัณฑ์ PCBA และ IC ซึ่งมีสินค้าปลายน้ำอิงกับกลุ่ม Telecom (30%) และ Automotive Sensor (15%) บริษัทมีความได้เปรียบเทียบกับรายอื่น คือ คุณภาพและการส่งมอบสินค้าที่ลูกค้าให้การยอมรับมากกว่า 40 ปี และการบริหารต้นทุน (Cost competitive) จากโรงงานตั้งอยู่ใน 4 ประเทศทั้ง ไทย,จีน,สหรัฐ และ กัมพูชา ซึ่ง 95% อยู่ในทวีปเอเชียที่ใกล้ฐานการผลิตสำคัญของโลก แต่มีต้นทุนแรงงานเพียง 40% เมื่อเทียบกับการผลิตในประเทศจีน HANA จึงเป็นทางเลือกแก่ผู้ผลิตสินค้าที่กำลังกระจายความเสี่ยง (Diversification) บนห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) ที่หลายธุรกิจให้ความสำคัญทั้งจากปัจจัยการเมือง (Trade War) และปัจจัยอื่นๆ เป็นโอกาสที่จะขยายฐานลูกค้าใหม่ในอนาคต

การเติบโตระดับสองหลักใน 2 ปีข้างหน้า

ปี 2563 จะเป็นจุดต่ำสุดของกำไรในรอบ 7 ปีที่คาดไว้ 1,727 ลบ. -6%YoY ทิศทางเดียวกับยอดขาย (USD) -7%YoY จากตามอุปสงค์ smartphone ทั่วโลกชะลอตัว -10% และกำลังการผลิตที่หยุดไป 2-3 เดือน เรามีมุมมองบวกต่อการเติบโต HANA ในปี 2564/65 ที่คาดกำไรสุทธิ +17/+9%YoY มาจากรายได้ที่ขยายตัว +15/+10% ตามยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนทั่วโลกและคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหม่ตั้งแต่ 1Q64 ด้านอัตรากำไรสุทธิ (NPM) +30bps vs YoY ที่ 9.4% อัตราใช้กำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นจะช่วยชดเชยค่าเงินบาทแข็งค่าที่ 30.5 บาท/เหรียญฯ -2%YoY

เริ่มต้นด้วยคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 55.00 บาท

เราประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2564 เท่ากับ 55.00 บาท ต่อหุ้น โดยใช้วิธี P/E เท่ากับ 22 เท่า แม้ว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 3-Yr Average P/E = 13 เท่า +3SD แต่เราเห็นสมควรที่จะมี premium เพื่อสะท้อนกับอุตสาหกรรมที่กำลังเป็นขาขึ้นรอบใหม่ และให้ส่วนลด 10% เมื่อเทียบกับผู้เล่นคล้ายกันในภูมิภาค ASEAN ที่ปัจจุบันเทรดบน P/E เฉลี่ย 25 เท่า จากขนาดที่เล็กกว่า โดยมีความเสี่ยงคือ ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน (ทุก 1 บาทที่แข็งค่าจะกระทบกำไร/ราคาเป้าหมาย -12%) , อุปสงค์ที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ

www.mitihoon.com