มิติหุ้น – นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และโฆษกรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) เปิดเผยว่าตามที่ขณะนี้ในสื่อและสังคมออนไลน์ได้มีการพูดถึงกรณีการไปทำ CSR ลงพื้นที่ช่วยเหลือเด็กบนดอยของเน็ตไอดอลชื่อดัง จนกลายเป็นกระแส ดราม่าในสังคม ทำให้หลายคนตั้งคำถามถึงกระทรวงศึกษาธิการในการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลนั้น โดยส่วนตัวรู้สึกชื่นชมเน็ตไอดอล รวมถึงภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีเจตนาดี ในการช่วยเหลือเด็กให้ได้รับโอกาสและถือเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนในสังคมในเรื่องของการแบ่งปัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามกำลังความสามารถของแต่ละคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนว่ามากหรือน้อย
ทั้งนี้ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะปฏิรูปการศึกษาทั้งในเชิงโครงสร้างและการปฏิรูปไปสู่ตัวเด็กโดยตรงดังนั้นการที่มีโครงสร้างบางส่วนที่ยังคงเป็นปัญหาและไม่สอดรับกับแนวทางตามตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาให้ดีขึ้นจากเดิมในยุคนี้
ในส่วนของโรงเรียนขนาดเล็กที่กระจายอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช มีนโยบายที่ชัดเจนที่จะไม่มุ่งยุบ ในสองลักษณะคือ กรณีที่เป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ไม่มีโรงเรียนโดยรอบที่มีขนาดใหญ่ จะไม่มีการยุบหากคนในพื้นที่ยังมีความต้องการเเต่จะเน้นไปที่การเพิ่มการพัฒนาด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การเรียนการสอน บุคคลากร ปรับปรุงกฎและระเบียบเรื่องงบประมาณการอุดหนุนต่อหัวตามความเหมาะสมและจำเป็นเพื่อให้ขับเคลื่อนต่อไปได้ ส่วนโรงเรียนขนาดเล็กที่โรงเรียนโดยรอบขนาดใหญ่ จะใช้การเชื่อมโยงเครือข่าย แลกเปลี่ยนทรัพยากรซึ่งกันและกันเป็นโรงเรียนพี่โรงเรียนน้อง เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมในทุกพื้นที่
นางดรุณวรรณ ยังกล่าวด้วยว่า คุณหญิงมีความตั้งใจดีที่จะพัฒนาการศึกษาไทยในทุกพื้นที่ รวมถึงในถิ่นทุรกันดาร ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 และในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ทรงสืบสานต่อพระราชปณิธานของพระราชบิดา จึงมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้เด็กไทยทุกคนมีความรู้ ด้วยนโยบายต่าง ๆ เพื่อให้สามารถพึ่งพิงตนเองได้ทั้งในยามปกติและในยามที่มีวิกฤต แต่ที่ผ่านมาอาจมีข้ออุปสรรคอยู่บ้างในเรื่องของการบริหารจัดการ กฏระเบียบ และการจัดสรรงบประมาณที่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริง จึงได้มีความพยายามแก้ไขทั้งในเชิงโครงสร้าง และตัวผู้เรียนโดยตรง และเชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ค้างคาได้ในสมัยนี้
“ขอบคุณทุกคน ทุกภาคส่วนที่เห็นความสำคัญของเด็กและการศึกษาไทย ร่วมมือร่วมใจกันอย่างน่าชื่นชม ในขณะที่ภาครัฐยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง อยากให้กำลังใจและไม่อยากให้คนที่ทำความดีต้องรู้สึกท้อแท้กับเสียงวิจารณ์ หากทุกคนช่วยเหลือกันสังคมก็จะขับเคลื่อนต่อไปได้ เพราะประเทศชาติจะพัฒนาได้ด้วยการวางระบบรากฐานการศึกษาที่ดี มีการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้เพื่อสร้างคนไทยให้สอดรับกับศตวรรษที่ 21”นางดรุณวรรณ กล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และโฆษกรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) เปิดเผยว่าตามที่ขณะนี้ในสื่อและสังคมออนไลน์ได้มีการพูดถึงกรณีการไปทำ CSR ลงพื้นที่ช่วยเหลือเด็กบนดอยของเน็ตไอดอลชื่อดัง จนกลายเป็นกระแส ดราม่าในสังคม ทำให้หลายคนตั้งคำถามถึงกระทรวงศึกษาธิการในการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลนั้น โดยส่วนตัวรู้สึกชื่นชมเน็ตไอดอล รวมถึงภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีเจตนาดี ในการช่วยเหลือเด็กให้ได้รับโอกาสและถือเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนในสังคมในเรื่องของการแบ่งปัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามกำลังความสามารถของแต่ละคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนว่ามากหรือน้อย
ทั้งนี้ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะปฏิรูปการศึกษาทั้งในเชิงโครงสร้างและการปฏิรูปไปสู่ตัวเด็กโดยตรงดังนั้นการที่มีโครงสร้างบางส่วนที่ยังคงเป็นปัญหาและไม่สอดรับกับแนวทางตามตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาให้ดีขึ้นจากเดิมในยุคนี้
ในส่วนของโรงเรียนขนาดเล็กที่กระจายอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช มีนโยบายที่ชัดเจนที่จะไม่มุ่งยุบ ในสองลักษณะคือ กรณีที่เป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ไม่มีโรงเรียนโดยรอบที่มีขนาดใหญ่ จะไม่มีการยุบหากคนในพื้นที่ยังมีความต้องการเเต่จะเน้นไปที่การเพิ่มการพัฒนาด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การเรียนการสอน บุคคลากร ปรับปรุงกฎและระเบียบเรื่องงบประมาณการอุดหนุนต่อหัวตามความเหมาะสมและจำเป็นเพื่อให้ขับเคลื่อนต่อไปได้ ส่วนโรงเรียนขนาดเล็กที่โรงเรียนโดยรอบขนาดใหญ่ จะใช้การเชื่อมโยงเครือข่าย แลกเปลี่ยนทรัพยากรซึ่งกันและกันเป็นโรงเรียนพี่โรงเรียนน้อง เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมในทุกพื้นที่
นางดรุณวรรณ ยังกล่าวด้วยว่า คุณหญิงมีความตั้งใจดีที่จะพัฒนาการศึกษาไทยในทุกพื้นที่ รวมถึงในถิ่นทุรกันดาร ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 และในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ทรงสืบสานต่อพระราชปณิธานของพระราชบิดา จึงมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้เด็กไทยทุกคนมีความรู้ ด้วยนโยบายต่าง ๆ เพื่อให้สามารถพึ่งพิงตนเองได้ทั้งในยามปกติและในยามที่มีวิกฤต แต่ที่ผ่านมาอาจมีข้ออุปสรรคอยู่บ้างในเรื่องของการบริหารจัดการ กฏระเบียบ และการจัดสรรงบประมาณที่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริง จึงได้มีความพยายามแก้ไขทั้งในเชิงโครงสร้าง และตัวผู้เรียนโดยตรง และเชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ค้างคาได้ในสมัยนี้
“ขอบคุณทุกคน ทุกภาคส่วนที่เห็นความสำคัญของเด็กและการศึกษาไทย ร่วมมือร่วมใจกันอย่างน่าชื่นชม ในขณะที่ภาครัฐยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง อยากให้กำลังใจและไม่อยากให้คนที่ทำความดีต้องรู้สึกท้อแท้กับเสียงวิจารณ์ หากทุกคนช่วยเหลือกันสังคมก็จะขับเคลื่อนต่อไปได้ เพราะประเทศชาติจะพัฒนาได้ด้วยการวางระบบรากฐานการศึกษาที่ดี มีการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้เพื่อสร้างคนไทยให้สอดรับกับศตวรรษที่ 21”นางดรุณวรรณ กล่าว
www.mitihoon.com