ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงาน “บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี หรือ EE” ดำเนินธุรกิจขายสินค้าการเกษตรและพลังงาน ฉายแววงบไตรมาส4/63 โตแรง โดยแหล่งข่าววงการอุตสาหกรรมเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส4/63 ของ EE จะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 17.87 ล้านบาท
บริษัทร่วมหนุนผลงานพีคแรง
โดยจะเป็นการเติบโตก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส3/63 ที่ขาดทุนสุทธิ 41.78 ล้านบาท หลังโรงไฟฟ้า SSUT กลับมาเดินเครื่องผลิตได้ตามปกติ จากก่อนหน้าที่ต้องหยุดผลิตในระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายน เพื่อการซ่อมแซมบำรุงรักษาตามแผน
ทั้งนี้เมื่อดูผลประกอบการไตรมาส2/63 ที่โรงไฟฟ้า SSUT เดินเครื่องผลิตปกติ ทาง EE รับส่วนแบ่งผลกำไรสุทธิในบริษัทร่วมเอสเอสยูที ตามวิธีส่วนได้เสียจำนวน 52.09 ล้านบาท
ลุ้นดีลถือหุ้นเพิ่มในSSUTใกล้สรุป
ส่วนประเด็นที่ EE มีแผนซื้อจะหุ้น SSUT เพิ่มอีก 15% เป็น 40% ด้วยการนำเงินที่ขายบริษัทย่อย “บจก.บุญเอนก” ไปลงทุนใน SSUT เพิ่มเติมนั้น มีความเป็นไปได้ว่าจะได้เห็นความชัดเจนในระยะอันใกล้นี้ เพราะเป็นแผนที่วางไว้แล้ว และเกิดขึ้นมานานพอสมควร
นอกจากนี้ทาง EE ยังมีความมุ่งมั่นขยายการเติบโตทางธุรกิจด้วยการร่วมทุน หรือเทกโอเวอร์ เพื่อลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ๆ ที่ทีกำลังผลิตรวมราว 25 MW คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในระยะถัดไปเช่นกัน อย่างไรก็ดีคาดว่าผลงานในปี2563 ของ EE จะออกมาเป็นบวกอย่างโดดเด่น และจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมด
โรงไฟฟ้าตัวหลักดันกำไรQ2บวกสนั่น
ผู้สื่อข่าว ระบุเพิ่มเติมว่า โรงไฟฟ้า SSUT” ผลิตไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกันเป็นระบบ Cogeneration โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นพลังงานหลักขนาด 240 MW แบ่งเป็นจำหน่ายไฟฟ้าให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) 180 MW และ จำหน่ายไฟฟ้าให้ผู้ประกอบการในนิคมฯบางปูอีก 60 MW
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 ของ EE ผลกำไรสุทธิจากงบการเงินรวม จำนวน 40.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 6.65 ล้านบาท หรือร้อยละ 19.74 เมื่อเปรียบเทียบกับจากไตรมาส 2/2562 โดยมีส่วนแบ่งผลกำไรสุทธิในบริษัทร่วม-เอสเอสยูทีรับรู้ตามวิธีส่วนได้เสียจำนวน 52.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 5.20 ล้าน บาท หรือร้อยละ 11.10 ของผลกำไรสุทธิจำนวน 208.36 ล้านบาท ที่เกิดจากการขายไฟฟ้า ไอน้ำ และผลกำไรจากอัตรา แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ยังไม่เกิดขึ้น รวมถึงผลขาดทุนจากการวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงิน
www.mitihoon.com
