“B”กางแผนธุรกิจปี 64 ยกเครื่องธุรกิจขนส่งครบวงจร-ปูพรมขยายฐานลูกค้าใหม่

135

มิติหุ้น –  “บี จิสติกส์”  กางแผนธุรกิจปี 2564 ลุยยกเครื่องธุรกิจขนส่งครบวงจร เดินหน้าลดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพนำสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ปูพรมขยายฐานลูกค้าใหม่  เล็งกลุ่ม “นิคมอุตสาหกรรม-กลุ่มอาหาร-กลุ่มยาเวชภัณฑ์”   ตั้งเป้ารายได้โต10-15%  หวังปีนี้พลิกมีกำไร หลังธุรกิจหลักเดินเครื่องเต็มสูบ แถมโครงการร่วมทุนโรงไฟฟ้า ที่เวียดนาม เริ่มจ่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์

นางสาวสุทธิรัตน์ ลีสวัสดิ์ตระกูล รองประธานกรรมการ บริษัท บี จิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ B  ซึ่งดำเนินธุรกิจให้บริการ โลจิสติกส์ครบวงจร  เปิดเผยว่า  แนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปี 2564    บริษัทตั้งเป้ารายได้โต 10-15 % และคาดว่าจะเป็นปีที่บริษัทฯ สามารถมีผลการดำเนินงานที่มีกำไรสุทธิได้   เนื่องจากบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจขนส่งภายในกลุ่มให้มีประสิทธิภาพในการแข่งขัน  โดยมีการลดต้นทุนและนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ  นอกจากนี้ยังมีการบริหารทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยปัจจุบันบริษัทมีรายได้หลักจากธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้า 70% ส่วน 30% มาจากรายได้อื่นๆ

นอกจากนี้บริษัทยังได้มีการปรับกลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้า จากเดิมจะเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมเป็นหลัก  ปีนี้จะเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ ให้มีความค้าหลากหลาย   เพื่อให้งานบริการด้านขนส่งมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น   และเป็นไปอย่างต่อเนื่อง   โดยในเบื้องต้นได้มีการเจรจากับกลุ่มลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม  กลุ่มอาหาร  กลุ่มยาเวชภัณฑ์

ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังได้อำนวยความสะดวก และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า  โดยการเตรียมนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยงานด้านบริการขนส่งสินค้า  เพื่อให้ลูกค้าสามารถเช็คสินค้าที่ได้ตลอดเส้นทางการของขนส่งสินค้าตั้งแต่ต้นทางถึงจุดหมายปลายทาง

“บริษัทมีพื้นที่ท่าเรือบางปะกง  ซึ่งถือเป็นจุดขายที่สำคัญ   เพราะเราเป็นเจ้าเดียวที่มีกรมศุลกากรอยู่ในพื้นที่  เป็นจุดแข็งของเรา  พื้นที่ก็สามารถรองรับการจัดวางสินค้าได้  เรามีจุดเด่นด้านสถานที่  ตรงนี้สามารถรองรับลูกค้ากลุ่มนิคมอุตสาหกรรมได้ ตอนนี้มีการพูดคุยเจรจากับนิคมอุตสาหกรรมบ้างแล้ว”นางสาวสุทธิรัตน์  กล่าว

นางสาวสุทธิรัตน์ กล่าวต่อว่า  นอกเหนือจากธุรกิจขนส่งครบวงจร ซึ่งเป็นธุรกิจหลักแล้ว บริษัทยังได้มีการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ผ่านบริษัทร่วมทุน  ที่ประเทศเวียดนาม จำนวน 29 เมกกะวัตต์ โดยเป็นการถือหุ้นสัดส่วน  40%   ซึ่งล่าสุดโครงการดังกล่าวได้มีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในเชิงพาณิชย์(COD)ให้กับการไฟฟ้าเวียดนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งยังได้มีการลงทุนธุรกิจพลังงานทั้งในและต่างประเทศผ่าน บริษัทเมกกะวัตต์  จำกัด สัดส่วน 5% ของทุนจดทะเบียน 2,500 ล้านบาท ซึ่งภายในปีนี้บริษัทคาดว่าจะเริ่มรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าเข้ามาบางส่วน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานในปี 2564 ให้มีกำไรเกิดขึ้น

www.mitihoon.com