มิติหุ้น- บล.เอเซีย พลัสระบุว่า คาดกำไร ไตรมาส4/63ของ CPALL ที่ 3.8 พันล้านบาท ลดลง 37.8%yoy หลักๆจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ไตรมาส4/63 ที่ลดลง 18%yoy จากผลกระทบการเดินทาง+ท่องเที่ยว (ราว 6% ของสาขารวม) ฟื้นช้า และเม็ดเงินบางส่วนถูกดึงไปจับจ่ายร้านค้าอื่น จากมาตรการคนละครึ่ง ขณะที่ประสิทธิภาพทำกำไร (Net margin) ลดลงเหลือ 2.9% จาก 4.2% ใน ไตรมาส 4/62 หลักๆจากความประหยัดต่อขนาดน้อยลง ภาพรวมกำไรปี 2563 ที่ 1.63 หมื่นล้านบาท จึงยังฟื้นตัวช้ากว่าคาดเดิม ทั้งนี้ คาดการณ์กำไร ไตรมาส4/63 ดังกล่าว ยังไม่รวมรายการพิเศษทางบัญชีที่อาจเกิดขึ้น เช่น ขาดทุนการทำ Hedging FX สำหรับใช้ในการซื้อเทสโก้ เนื่องจากยังต้องติดตามแนวทางบันทึกบัญชีที่ชัดเจนของบริษัทฯ
คาดงวด ไตรมาส1/64 ยังเห็นแรงกดดัน COVID-19 รอบใหม่ ประกอบกับ เริ่มรับรู้ผลกระทบดอกเบี้ยจ่ายซื้อเทสโก้ (ภาระการเงินมากกว่าส่วนแบ่งกำไรเทสโก้ในช่วงแรก) ขณะที่การฟื้นตัวนับจาก ไตรมาส2/64 คาดยังค่อยเป็นค่อยไป จากผลฐานต่ำ + การกระจายวัคซีน ที่จะช่วยหนุนการบริโภค และท่องเที่ยวฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็น Downside ราว 5%-10% ต่อกำไรปี 2564 จากฐานยอดขายสาขาเดิมต่ำกว่าคาดในปี 2563 และผลกระทบ COVID-19 รอบใหม่ ซึ่งยังไม่รวมในประมาณการ ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการ โดยจะรอความชัดเจนการบันทึกผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวก่อน
แม้กำไรปี 2564 ยังฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป แต่ราคาหุ้นที่ลดลง 18% ตั้งแต่ต้นปี 2563 เทียบกลุ่มฯที่ลดลง 9.1% คาดสะท้อนประเด็นลบไปมากแล้ว ขณะที่ระยะยาว ฝ่ายวิจัยยังชื่นชอบพื้นฐาน CPALL มากสุดในกลุ่ม จากความมั่นคงสูง + ช่องทางค้าปลีกหลากหลาย สามารถต่อยอดสร้างโอกาสธุรกิจอีกมาก แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 74 บาท
www.mitihoon.com
#ASPSResearch