มิติหุ้น – ธนาคารกรุงเทพชวนลูกค้าซื้อพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่นเราชนะ ซึ่งเป็นการระดมทุนเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบ-พลิกฟื้นเศรษฐกิจจากโรคโควิด-19 ตอบโจทย์การลงทุนระยะกลาง-ยาว 5 ปี, 10 ปี และ 15 ปี เอาใจคนรับความเสี่ยงได้น้อย เน้นผลตอบแทนสม่ำเสมอ ซื้อขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท ไม่จำกัดยอดสูงสุด สะดวกกว่าเดิม
นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้รับสิทธิ์เป็นธนาคารตัวแทนจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่นเราชนะ ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ 2564 ที่ออกมาเพื่อระดมทุนสำหรับใช้บรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชน และพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เปิดขายตั้งแต่วันที่ 5-19 กุมภาพันธ์ 2564 ผ่านช่องทางสาขาของธนาคารกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางแอปพลิเคชัน Bangkok Bank Mobile Banking และ Bualuang iBanking เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการทำรายการ และลดการเดินทางไปยังพื้นที่สาธารณะซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ สอดคล้องกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดในสถานการณ์ปัจจุบัน
สำหรับพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษ รุ่นเราชนะ แบ่งออกเป็น 3 รุ่น
รุ่นที่ 1 อายุ 5 ปี จ่ายดอกเบี้ยเป็นขั้นบันได ปีที่ 1-2 ร้อยละ 1.50 ต่อปี ปีที่ 3-4 ร้อยละ
2.00 ต่อปี และปีที่ 5 ร้อยละ 3 ต่อปี เฉลี่ยร้อยละ 2.00 ต่อปี
รุ่นที่ 2 อายุ 10 ปี จ่ายดอกเบี้ยเป็นขั้นบันได ปีที่ 1 ร้อยละ 1.50 ต่อปี ปีที่ 2-3 ร้อยละ 2.00
ต่อปี ปีที่ 4-6 ร้อยละ 2.50 ต่อปี และปีที่ 7-10 ร้อยละ 3.00 ต่อปี เฉลี่ยร้อยละ 2.50 ต่อปี
ทั้ง 2 รุ่นแรก (อายุ 5 ปี และ 10 ปี) จะเปิดขายแก่ประชาชนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดาถือสัญชาติไทยหรือมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 5 – 15 กุมภาพันธ์ 2564 ซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท และไม่จำกัดขั้นสูง โดยมีวงเงินรวม 55,000 ล้านบาท (วงเงินรวมสำหรับการขายผ่านธนาคารตัวแทนจำหน่ายทุกแห่ง)
รุ่นที่ 3 อายุ 15 ปี จ่ายดอกเบี้ยอัตราคงที่ ร้อยละ 1.80 ต่อปี จะเปิดขายเฉพาะกลุ่มนิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไรเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 16-19 กุมภาพันธ์ 2564 ซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท และไม่จำกัดขั้นสูง โดยวงเงินจำหน่ายจะเป็นส่วนที่เหลือจาก 2 รุ่นแรก
นายทวีลาภ กล่าวอีกว่า พันธบัตรออมทรัพย์พิเศษ รุ่นเราชนะ เป็นอีกหนึ่งโอกาสการลงทุนระยะปานกลาง-ยาว สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อย แต่สามารถได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอในอัตราที่ค่อนข้างน่าสนใจ ท่ามกลางภาวะตลาดการเงินในปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ รวมถึงตลาดการลงทุนในตราสารทุนที่ยังมีความผันผวนค่อนข้างมากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกันการลงทุนในพันธบัตรดังกล่าว ยังตอบโจทย์เรื่องรายได้ที่สม่ำเสมอให้แก่ผู้ลงทุนด้วย เนื่องจากพันธบัตรทั้ง 3 รุ่นจะจ่ายดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง ในเดือนกุมภาพันธ์ และสิงหาคม ทุกปี จนกว่าจะครบกำหนด
“เพื่อให้ลูกค้าสามารถลงทุนได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้การขายพันธบัตรดังกล่าวประสบความสำเร็จ นอกจากการซื้อผ่านเคาน์เตอร์สาขากว่า 1,000 แห่ง ทั่วประเทศแล้ว ลูกค้าบุคคลยังสามารถซื้อผ่านช่องทางดิจิทัลได้ทั้ง Bangkok Bank Mobile Banking และ Bualuang iBanking ด้วย โดยลูกค้าที่มีบัญชีพันธบัตรกับธนาคารกรุงเทพอยู่แล้ว สามารถ “เพิ่มบัญชี” เข้าในระบบได้ทันที และทำรายการผ่านเมนู “การลงทุน” และเลือก “พันธบัตรรัฐบาล” จากนั้นทำตามขั้นตอนได้จนจบกระบวนการ ส่วนลูกค้าหรือผู้สนใจที่ยังไม่มีบัญชีพันธบัตร สามารถเปิดบัญชีพันธบัตรที่สาขาธนาคารกรุงเทพได้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อนำมา “เพิ่มบัญชี”ใน Bangkok Bank Mobile Banking หรือ Bualuang iBanking และทำรายการผ่านช่องทางดิจิทัลได้ทันทีเมื่อเปิดขายพันธบัตร ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและลดการเดินทางไปสาขา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจที่ธนาคารต้องการส่งมอบ Digital Experience ให้แก่ลูกค้าด้วย” นายทวีลาภ กล่าว