มิติหุ้น-บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT ชูมาตรการด้านความปลอดภัยเข้ม รับมือ COVID-19 ระบาดรอบใหม่ ทั้งการตรวจคัดกรอง เพิ่มความถี่พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่ต่างๆ ทุกสัปดาห์ สวมใส่หน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างทางสังคม ส่วนแรงงานต่างด้าวต้องมีใบอนุญาตการทำงานและพาสปอร์ต พร้อมจัดบ้านพักพนักงานให้อยู่อาศัยอย่างไม่แออัดและมีสุขอนามัยที่ดี เพื่อลดความเสี่ยง มั่นใจไม่มีปัญหาขาดแคลนแรงงาน พร้อมเปิดโรงงานใหม่อีก 4 แห่งภายในปีนี้
นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์รายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในประเทศไทยเมื่อปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันที่มีสถานการณ์แพร่ระบาดระลอกใหม่เกิดขึ้น บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการใช้มาตรการคัดกรอง ป้องกันและดูแลด้านความปลอดภัยของพนักงานในโรงงานและออฟฟิศทุกคน เพื่อให้ความมั่นใจแก่คู่ค้าว่าโรงงานของ STGT มีมาตรการด้านสุขอนามัยที่เข้มงวดและสามารถเดินเครื่องจักรผลิตสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันบริษัทฯ มีพนักงานรวมทั้งหมดกว่า 9,000 คน ในจำนวนนี้เป็นแรงงานต่างด้าวประมาณ 40% หรือกว่า 3,000 คน และแรงงานไทยประมาณ 60% โดยมีนโยบายดูแลด้านความปลอดภัยและสวัสดิการแก่แรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวเป็นอย่างดีภายใต้มาตรฐานที่เท่าเทียมกันมาโดยตลอด
ทั้งนี้ ภายหลังเกิดโรค COVID-19 ระบาดในประเทศไทยเมื่อปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ได้วางมาตรการตรวจคัดกรองและป้องกันอย่างเข้มงวด เช่น การตรวจวัดอุณหภูมิพนักงานทุกคนที่เข้ามาในพื้นที่โรงงาน เมื่อกลับเข้าบ้านพักพนักงาน และมีการตรวจวัดระหว่างวันในบางแผนก, สวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งระหว่างปฏิบัติหน้าที่, มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม, จัดเตรียมแอลกอฮอลล์และหน้ากากอนามัยให้แก่พนักงาน, ขอความร่วมมือพนักงานไม่เดินทางไปจังหวัดที่เป็นพื้นที่สีแดงของการระบาด และกรณีที่มีความจำเป็นจะต้องรายงานให้ทราบทุกครั้ง เป็นต้น นอกจากนี้ได้เพิ่มความถี่พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่ต่างๆ จากเดิมเดือนละ 1 ครั้ง เป็นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง อาทิ โรงอาหาร, บ้านพักพนักงาน และยังใส่ใจไปจนถึงพื้นที่แหล่งชุมชนในละแวกใกล้เคียงโรงงาน STGT
ส่วนพนักงานที่เป็นแรงงานต่างด้าวนั้น บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการมีใบอนุญาตการทำงานและหนังสือเดินทางอย่างถูกต้อง พร้อมกันนี้ได้จัดให้มีบ้านพักพนักงานโดยจัดให้อยู่อาศัยไม่เกินหลังละ 2 – 3 คน และมีการจัดระเบียบการเข้าออกภายในพื้นที่บ้านพักพนักงานอย่างเข้มงวด
ขณะที่แผนงานเปิดโรงงานใหม่อีก 4 แห่ง ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีและอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งจะทยอยเปิดดำเนินการไตรมาสละ 1 โรงงานภายในปีนี้ คาดว่าจะมีความต้องการแรงงานใหม่อีกประมาณ 1,500 คน เพื่อรองรับการขยายกำลังผลิตถุงมือยางเป็นกว่า 36,000 ล้านชิ้นต่อปี จากเดิมกว่า 33,000 ล้านชิ้นต่อปี บริษัทฯ ได้วางแผนบริหารจัดการ เพื่อป้องกันปัญหาแรงงานขาดแคลน โดยจะรับแรงงานไทยในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงเข้าทำงานเพื่อทดแทนแรงงานต่างด้าวบางส่วน อีกทั้งเป็นไปตามนโยบายของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือแรงงานไทยที่อาจประสบปัญหาว่างงานในช่วงนี้