มิติหุ้น-บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า OSP ยอดขาย 4Q63 ชะลอ แต่จะฟื้นในปี 64
ประเด็นการลงทุน
แม้มีการปรับลดประมาณการกำไรลงตามยอดขายที่ชะลอตัว แต่คาดว่ากำไร 4Q63 ยังเติบโต 8% YoY จากอัตรากำไรเพิ่มขึ้น และแนวโน้มปี 64 จะเติบโตดีขึ้นจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและขยายช่องทางการขาย รวมทั้งได้ผลบวกจากการเปิดโรงงานขวดแก้วที่เมียนมาร์ ขณะที่โปรแกรม Fit Fast Firm ยังช่วยให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ประเด็นการเมืองในเมียนมาร์อาจกดดันราคาหุ้นในช่วงนี้ แนะนำ ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลง ราคาเป้าหมาย (DCF) 45 บาท (ปรับลงจากเดิมที่ 50 บาท)
ปรับลดประมาณการ
เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2563-2564 ลง 6% และ 7% ตามลำดับ จากยอดขายเครื่องดื่มชะลอตัวตามการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่ลดลง และธุรกิจร้านสะดวกซื้อหดตัว ส่วนประเด็นการใช้กัญชงในเครื่องดื่มและเครื่องสำอาง OSP ยังอยู่ระหว่างศึกษา ยังไม่มีกำหนดระยะเวลาที่จะนำมาใช้ และไม่ได้รวมในประมาณการ
คาดกำไร 4Q63 เติบโต 8% YoY จากอัตรากำไรเพิ่มขึ้น
คาดว่ากำไร 4Q63 เท่ากับ 850 ล้านบาท ลดลง 8% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 8% YoY อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 26 bps YoY เป็น 35.3% จากโปรแกรม Fit Fast Firm ทั้งในด้านการปรับสูตรเครื่องดื่ม การบริหารต้นทุนวัตถุดิบให้ลดลง และประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ยอดขายคาดว่าจะลดลงจากการที่ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังติดลบมากกว่า 3Q63 ที่ -6.7% ตามการชะลอตัวของการอุปโภคบริโภคและการระบาดของโควิดรอบใหม่ ขณะที่ตลาด Functional drink ที่เคยเติบโตต่อเนื่อง ก็ชะลอตัวลงจากฐานสูง อีกทั้งธุรกิจร้านสะดวกซื้อซึ่งเป็นช่องทางขายหลัก ได้รับผลกระทบส่วนหนึ่งจากโครงการคนละครึ่ง เราคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นจากการที่ C-Vitt ขยายกำลังการผลิตเมื่อกลางปี 63 แต่ก็มีค่าใช้จ่ายการตลาดเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากอยู่ในช่วงขยายช่องทางขายไปยัง Traditional Trade เราคาดเงินปันผล 2H63 เท่ากับ 0.70 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนครึ่งปี 2%
ขยายกำลังการผลิตและเพิ่มช่องทางการขาย
แม้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่เราประเมินว่ากำไรปี 63 ยังเติบโตได้ 4% และเพิ่มขึ้น 13% ในปี 64 จากยอดขายที่ฟื้นตัวขึ้นตามการอุปโภคบริโภค และได้ประโยชน์จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 2H63 รวมทั้งการทยอยขยายช่องทางการขายของ C-Vitt ไปยัง Traditional Trade ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 20% (อีก 80% ขายทาง Modern Trade) อัตรากำไรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก Fit Fast Firm ส่วนโรงงานใหม่ที่เริ่มผลิตเครื่องดื่มชูกำลังเองที่เมียนมาร์ (แทนการจ้างผลิต) ตั้งแต่ 2H63 จะช่วยให้อัตรากำไรสูงขึ้น นอกจากนั้น โรงงานผลิตขวดแก้วในเมียนมาร์คาดว่าจะเริ่มผลิตใน 2H64
ความเสี่ยง: ราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น การเพิ่มภาษีเครื่องดื่ม เงินบาทแข็งค่าอย่างมีนัยยะ การขยายไปต่างประเทศไม่ประสบความสำเร็จ ประเด็นการเมืองในเมียนมาร์
www.mitihoon.com