CHG ยอดผู้ป่วยล้นทะลัก ดันกำไรQ4พีค113% (2/02/64)

322

มิติหุ้น-CHG แย้มไตรมาส 4/63 กำไรสุทธิสูงสุดแห่งปีที่ 287 ล้านบาท เติบโต 113% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เหตุลูกค้าOPDและIPD เพิ่มขึ้น แถมมีการระบาดของไวรัส RSVในคนไข้เด็ก และยังมีรายได้เสริมเกี่ยวกับ COVID-19 หนุนรายได้พุ่งไม่หยุด แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย3.50 บาท

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ หรือ CHG โดย “นักวิเคราห์หลักทรัพย์ บล.โนมูระ พัฒนสิน” เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานไตรมาส 4/63 คาดจะมีกำไรสุทธิสูงสุดแห่งปีที่ 287 ล้านบาท เติบโต 113% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 2% จากไตรมาสก่อน เพราะคาดรายได้จะเติบโต 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 3% จากไตรมาสก่อน

คุมค่าใช้จ่ายทำผลงานโตเด่น

เนื่องจากการใช้บริการของลูกค้าเงินสดของการรักษาพยาบาลผู้ป่วยใน (OPD) และผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่สามารถกลับบ้าน (IPD) เพิ่มขึ้น นอกจากนี้คาด Gross margin ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 35.2% จากการเติบโตของรายได้ทั้งเงินสดและโครงการรัฐ, ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะมีการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นของ รพ.ในเครือ

ส่วนแนวโน้มไตรมาส 1/64 คาดกำไรเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงจากไตรมาสก่อน ตามทิศทางรายได้และ margin สำหรับทั้งปี 64 คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตดีต่อเนื่องและยังมี upside เพิ่มเติมจากรายได้เสริมเกี่ยวกับ COVID-19 และคุมค่าใช้จ่ายได้ดีต่อเนื่อง ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 3.06 บาท

ด้าน “บล.ฟิลลิป” เปิดเผยว่า แนวโน้มไตรมาส 4/63 คาดกำไรสุทธิที่ 276 ล้านบาท เติบโต 105.7% จากช่วงเดียว

แต่ลดลง 1.9% จากไตรมาสก่อน ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น 13.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 3.3% จากไตรมาสก่อน

เพราะการระบาดของไวรัส RSVในคนไข้เด็กส่งผลให้รายได้ IPD ปรับตัวดีขึ้น, การเติบโตมากของ SSO จากฐานต่ำในปีก่อนถูกปรับลดค่ารักษา RW>2 ราว 38 ล้านบาท และ NHSO ที่ดีขึ้นตามจำนวนเคสและการปรับเพิ่มอัตราจ่าย

                ชี้เป้า 3.50บาท

อีกทั้งรายได้ ASQ เพิ่มขึ้นจากร่วมกับจำนวนโรงแรมมากขึ้นเป็น 50 ล้านบท จากไตรมาสก่อน 15 ล้านบาท และตรวจให้บริการ COVID-19 บวกกับการดำเนินงานของรพ.ใหม่ (2 แห่ง) ดีขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะ RPC ซึ่งน่าจะรับรู้กำไรเข้ามาแล้วบางเดือน ทำให้ GPM แม้ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 3/63 ที่ 35.6% มาที่ 34.7% แต่ขยับขึ้นมากจากไตรมาส 4/62 ที่ 26.6% และควบคุม SG&A ได้ดี ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 3.30 บาท ด้าน “บล.ฟินันเซีย ไซรัส” แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 3.50 บาท

www.mitihoon.com