มิติหุ้น-NOBLE โบรกส่องผลงานQ4/63 ดีเกินคาดรับยอดโอนพุ่งพร้อมอัพเป้าใหม่ 8.50 บ. แถม Backlogหรู 1.3 หมื่นล้านบาท กินยาวถึงปี 66 ปี 64.ใสเกียร์ลุย 11 โครงการใหม่ ผู้บริหารมั่นใจฐานะการเงินแข็งแกร่งดีอีต่ำ
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยนักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ “ซื้อ” NOBLE ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 8.50 บาท คาดกำไร ไตรมาส 4/63ดีกว่าที่เคยประเมิน เติบโต 20% จากไตรมาสก่อน(Q3มีกำไร523 ลบ.) และเพิ่มขึ้น 41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน(Q4/62มีกำไร445.88 ลบ.) เนื่องจากการโอนโครงการใหม่ที่มากกว่าคาด รวมถึงบันทึกกำไรขายที่ดินและ Gross Margin ที่ดีขึ้น ส่วนแนวโน้มกำไรปี 64 คาดยังอยู่ในเกณฑ์ดีแม้จะทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยโครงการโอนใหม่จะลดลง แต่ชดเชยได้จาก Margin ที่สูงขึ้น ส่วน Backlog ปัจจุบัน 1.3 หมื่นล้านบาทมีคุณภาพและทยอยรับรู้ถึงปี 66
พีอีถูก-ปันผลแรง
ด้านบทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า NOBLE หากประเมินด้วย P/E ปี64 ที่ 5.6 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง แต่ระยะสั้นอาจจะมีการเก็งกำไรได้ต่อเนื่อง ในประเด็น 1) ยังจ่ายปันผลได้สูง คาดว่ายิลด์ปันผลงวดสิ้นปี 63 เป็น 3.8% และเต็มปี 64 อีก 9.4% และ 2) บริษัทไปร่วมลงทุนในบ.ย่อย SAWAD คือ SWP ทำธุรกิจบริหารสินทรัพย์โดยเข้าไปถือหุ้น 20% จ่ายเงินลงทุน 300 ล้านบาท คาดว่าจะได้กำไรตั้งแต่ปีแรก เพราะ SWP มีกำไรต่อปีราว 100-200 ล้านบาทอยู่แล้ว ตามสัดส่วนจะได้กำไรราว 20-40 ล้านบาท
ปีนี้ลุย 11 โครงการใหม่
ด้านนายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม NOBLE เปิดเผยว่า ในปี 64 บริษัทได้วางแผนธุรกิจการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ จำนวน 11 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 45,100 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และตั้งเป้าหมายรายได้รวมในปี 64 จำนวน 11,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 10% จากเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ จำนวน 10,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขาย (pre-sale) จำนวน 16,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 146% จากปีนี้ที่ตั้งเป้าหมายไว้จำนวน 6,500 ล้านบาท
ฐานะการเงินแกร่ง
ขณะที่ฐานะการเงินของบริษัทถือว่ามั่นคงเพียงพอต่อแผนการลงทุนปีนี้ราว 9,000 ล้านบาท ทั้งการออกหุ้นกู้เมื่อปลายปีที่ผ่านมาราว 1,250 ล้านบาทและยังได้เตรียมออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญใหม่ของบริษัทฯให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 4 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า และยังมีหนี้สินต่อทุน(DE)ที่ต่ำราว 1.28 เท่าเท่านั้นยังมีความคล่องตัวในการกู้ยืมเงินจากสถาบันทางการเงิน
www.mitihoon.com