SAWAD ตั้ง JV ร่วมกับ GSB ช่วยหนุนพอร์ตสินเชื่อโต โบรกปรับเป้า 71 บาท

1008

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น หรือ SAWAD โดยคาดว่า yield ของสินเชื่อจะยังคงถูกกดดันจากการการที่ BFIT ลดขนาดพอร์ตสินเชื่อ yield สูง ซึ่งลดลงมาสามไตรมาสติดกันแล้ว โดยสินเชื่อของ BFIT ลดลงอีก 25% ในไตรมาส 4/63 หรือเท่ากับลดลง 39% จากระดับสูงสุดในไตรมาส1/63 ทั้งนี้ เพื่อชดเชยพอร์ตสินเชื่อของ BFIT ที่ลดลง ในช่วงสามไตรมาสที่ผ่านมา SAWAD จึงหันมาขยายสินเชื่อผ่านบริษัทลูก (หลักๆ คือ Srisawad Power-2014) ทำให้พอร์ตสินเชื่อโดยรวมยังคงเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เนื่องจากอุปสงค์สินเชื่อในไตรมาส 4/63 ยังคงแข็งแกร่ง จึงคิดว่าพอร์ตสินเชื่อของ SAWAD จะโตในอัตราที่เร่งขึ้นเช่นเดียวกับผู้ประกอบการรานอื่นๆ ที่ 5% (QoQ) และ +11% (YoY) ฝ่ายวิจัยาคิดว่าการที่ BFIT ลดขนาดพอร์ตสินเชื่อลงจะกดดัน yield สินเชื่อของ SAWAD เพราะ yield จากบริษัทลูกอยู่ที่ประมาณ 28% ซึ่งยังต่ำกว่าบริษัทลูกอื่นๆ อีกมาก และหลังจากที่ yield ในไตรมาส3/63 ถูกกดดันให้ลดลง 130bps (QoQ) เหลือแค่ 18.6% และคาดว่าจะลดลงต่อเนื่องอีกเหลือ 18% ในไตรมาส 4/63 ทั้งนี้ สินเชื่อจาก BFIT คิดเป็นประมาณ 30% ของสินเชื่อทั้งกลุ่ม

สำหรับกำไรในไตรมาส 4/63 ได้ใช้สมมติฐานว่า 1.) รายได้จะเร่งตัวขึ้นจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขายประกันและรายได้อื่นๆ 2.) ต้นทุนทางการเงินลดลงประมาณ 15bps ช่วยลดผลกระทบเรื่อง yield สินเชื่อที่ปรับลดลง 3.) สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน/รายได้จะลดลงเหลือ 35% (จาก 35%-37% ในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา) 4.) ค่าใช้จ่ายในการกันสำรองจะต่ำเพราะบริษัทขยายสินเชื่อ yield ต่ำซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ ทำให้เราคาดว่า credit cost ในไตรมาส4/63 จะอยู่ที่ 91bps และในปี 2563 ที่ 64bps

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2564 อีก 4%, ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2564F เป็น 71 บาท (P/E 18.5x)
SAWAD กำลังอยู่ระหว่างเตรียมตั้ง JV ร่วมกับ GSB ซึ่งกำหนดเป้าว่าจะเริ่มปล่อยสินเชื่อผ่าน JV ใหม่หลังเดือนมีนาคม 2564 บริษัทยังไม่ตัดสินใจว่าจะรวมทุกรายการของ JV เข้ามาในงบรวม หรือจะรับรู้แง่รายได้จากส่วนได้เสีย (equity income) ในกรณีที่ถือต่ำกว่า 50%

ทั้งนี้ SAWAD ตั้งเป้าจะขยายสินเชื่อ 20% ในปี 2564 ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่า JV จะช่วยหนุนให้สินเชื่อของบริษัทโตได้เพิ่มอีก 10% จึงปรับประมาณการกำไรปี 2564 ขึ้นอีก 4% จากการปรับลดสมมติฐาน yield สินเชื่อลงเหลือ 18.3% (จากเดิมที่ 19.5%), ปรับเพิ่มรายได้อื่น, และปรับลดค่าใช้จ่ายนากรดำเนินงานลง ซึ่งจะทำให้สัดส่วนต้นทุน/รายได้ลดลงเหลือ 34% (จากเดิมที่ 35%) และเมื่อใช้ P/E ที่ 18.5x ทำให้ฝ่ายได้ราคาเป้าหมายปี 2564F ใหม่ที่ 71 บาท (จากเดิมที่ 68บาท)