มิติหุ้น-ในเดือนมกราคม 2564 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าจะเผชิญปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 รอบใหม่ภายในประเทศทำให้ภาครัฐได้ออกมาตรการ partial lockdown และ จำกัดการเดินทางข้ามจังหวัดในบางพื้นที่ อย่างไรก็ดี ผลตอบรับเชิงบวกจากผลการชนะเลือกตั้งทั้งในสภาล่างและสภาบนของพรรคเดโมแครต (Blue Wave) และเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีขึ้น สอดคล้องกับภาพรวมการส่งออกไทยในเดือนธันวาคม 2563 ขยายตัวถึง 4.71% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 8 เดือนและสูงสุดในรอบ 22 เดือน ทำให้ SET Index ปิดในแดนบวก
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนมกราคม 2564 SET Index ปิดที่ 1,466.98 จุด เพิ่มขึ้น 1.2% จากเดือนก่อน ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาค โดย MSCI ASEAN Index ปรับลดลง 1.9% เมื่อพิจารณารายอุตสาหกรรมเทียบกับสิ้นปี 2563 พบว่าหลายอุตสาหกรรมปรับตัวดีกว่า SET Index อาทิ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม
ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย
· ณ สิ้นเดือนมกราคม 2564 SET Index ปิดที่ 1,466.98 จุด เพิ่มขึ้น 1.2% จากเดือนก่อน ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาค โดย MSCI ASEAN Index ปรับลดลง 1.9%
· ในเดือนมกราคม 2564 หลายอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่า SET Index อาทิ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม
· นอกจากนี้ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2564 มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ mai เพิ่มขึ้น 6.26% โดย mai Index ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาปิดที่ระดับ 356.33 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดในรอบ 18 เดือน
· มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมใน SET และ mai ในเดือนมกราคม 2564 อยู่ที่ 100,509 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยรายเดือนที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นเดือนที่สามติดต่อกัน และเป็นเดือนที่สองที่สภาพคล่องเกิน 1 แสนล้านบาท
· ด้านผู้ลงทุนต่างชาติมีสถานะเป็นผู้ขายสุทธิเป็นเดือนแรกในรอบ 3 เดือน ด้วยมูลค่า 1.07 หมื่นล้านบาท ผู้ลงทุนสถาบันในประเทศและกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิด้วยมูลค่า 1.60 หมื่นล้านบาท และ 942 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ผู้ลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิด้วยมูลค่า 2.76 หมื่นล้านบาท
· ในเดือนนี้ผู้ลงทุนในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 คิดเป็น 46.61% ของมูลค่าการซื้อขายรวม เพิ่มขึ้นจากจากปีก่อนหน้าที่ 43.66%
· Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนมกราคม 2564 อยู่ที่ระดับ 19.0 เท่า และ 26.0 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.4 เท่า และ 22.7 เท่าตามลำดับ
· อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนมกราคม 2564 อยู่ที่ระดับ 2.69% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.35%
ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
· ในเดือนมกราคม 2564 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 573,172 สัญญา ลดลง 24.3% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจาก Single Stock Futures และ SET50 Index Futures ขณะที่มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นในกลุ่ม Gold Online Futures, 10 Baht Gold Futures, Silver Online Futures และ Agricultural Futures
www.mitihoon.com