มิติหุ้น – นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ยังคงเคลื่อนไหวผันผวนอยู่ในกรอบ 1,500 – 1,550 จุด โดยมีปัจจัยเชิงบวกหนุนตลาด อาทิ กระทรวงพาณิชย์รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค. -0.34%YoY ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ภาคการใช้จ่ายและการผลิตชะลอตัว แต่เงินเฟ้อ +0.09%MoM ขณะที่คาดการณ์เงินเฟ้อเดือนก.พ.ยังมีแนวโน้มหดตัว แต่เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น อีกทั้งประเทศไทยได้มีการยืนยันคำสั่งซื้อวัคซีนของซิโนแวค จำนวน 2 ล้านโดสตามข้อตกลง โดยจะส่งล็อตแรกเข้ามาภายใน ก.พ. ส่วนบอร์ดโรคติดต่อเคาะแผนกระจายวัคซีนโควิด-19 จำนวน 63 ล้านโดส ภายในปี 64 สุดท้ายรัฐบาลโยกเงินกู้ฟื้นฟูอีก 4 หมื่นล้านบาท จ่ายเยียวยา “ม.33 เรารักกัน” และมีแผนดึงเงินกู้โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจฯ ที่อนุมัติไปแล้วแต่ยังไม่ใช้คืน ตุนไว้รับมือสถานการณ์โควิดที่ยังไม่แน่นอน
ขณะที่ปัจจัยในประเทศนักลงทุนยังติดตามการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังคงมีปัจจัยต้องจับตาในประเทศ อาทิ บริษัทจดทะเบียนทยอยส่งงบการเงินงวดปี 63 ภายใน 1 มี.ค. วันที่ 9 ก.พ. มีการประชุมครม. และสหรัฐจะทำการเปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงานเดือนธ.ค. ในวันที่ 10 ก.พ. จีนเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค. โดยสหรัฐจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค. วันที่ 11 ก.พ. สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ วันที่ 12 ก.พ. อังกฤษเปิดเผยดุลการค้าเดือนธ.ค. GDP ไตรมาส 4/2563 และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. สหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ. วันที่ 15 ก.พ. สภาพัฒน์ แถลงตัวเลข GDP 4Q63 วันที่ 16-19 ก.พ. อภิปรายไม่ไว้วางใจ ลงมติ 20 ก.พ. วันที่ 1 มี.ค. วันสุดท้ายบจ.ส่งงบปี 63 กรณีไม่ส่ง Q4 (ส่งได้ภายใน 2 มี.ค.ก่อนเปิดตลาดเช้า)
ดังนั้นฝ่ายกลยุทธ์ จึงแนะนำลงทุนในหุ้นที่ได้ผลดีจากนโยบายไบเดน ได้แก่ BGRIM-GPSC-EA- RATCH-BCPG และหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการกลุ่มโรงกลั่นและกลุ่มโรงไฟฟ้าจะปรับตัวดีขึ้น ได้แก่ PTTGC-SPRC-TOP-BGRIM-BCP-IRP
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก มองว่า ทองคำมีโอกาสรีบาวด์ได้แต่หากไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,830-1,850 $/Oz ให้ระวังแรงขาย เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ยังทรงตัวใกล้ระดับ 1.15% เป็นปัจจัยกดดัน อย่างไรก็ตามจำนวนผู้ติดเชื่อ COVID ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเฟดยังคงเดินหน้าเพิ่มขนาดงบดุลยังเป็นปัจจัยช่วยพยุงราคาทองคำ ทั้งนี้เราประเมินแนวรับที่ 1,765-1,780 $/Oz
www.mitihoon.com