มิติหุ้น-บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) โดย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า TPIPP ประกาศผลประกอบการ 4Q63 มีกำไรสุทธิที่ชะลอตัวลงเหลือ 1,161 ล้านบาท (-4%QoQ, -9%YoY) ถ้าหากตัดกำไรอัตราแลกเปลี่ยนและเงินประกัน 41 ล้านบาท จะมีกำไรปกติ 1,120 ล้านบาท (-8%QoQ, -11%YoY) ใกล้เคียงกับที่เราคาดหมายไว้เท่ากับ 1,100 ล้านบาท กำไรที่ชะลอตัวเนื่องจากมีการซ่อมบำรุงเตาในต้นเดือน พ.ย. ทำให้มูลค่ายอดขายชะลอตัวลงเหลือ 2,779 ล้านบาท (-8%QoQ, -3%YoY) อัตรากำไรขึ้นต้นดีขึ้นเป็น 48.0% เทียบกับ 46% ในไตรมาสก่อน และ 47.6% ในปีก่อน ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 152 ล้านบาท (+40%QoQ, +14%YoY) และ ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 90 ล้านบาท (+3%QoQ, +433%YoY) จากการออกหุ้นกู้มากขึ้น
แนวโน้มผลประกอบการ
แนวโน้มปี 2564 คาดจะได้แรงหนุนจากการติดตั้ง Boiler เพิ่ม 3 ตัว คือ B13-B15 และ เริ่มรับรู้โครงการขาย RDF ให้ TPIPL เพื่อใช้ผสมกับถ่านหิน จะช่วยเพิ่มรายได้ 350-450 ล้านบาท/ปี และ โรงไฟฟ้าที่ขายไฟให้ TPIPL มีประสิทธิภาพมากขึ้น คาดยอดขาย 12,364 ล้านบาท โต 11% และ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 4,735 ล้านบาท โต 5% สำหรับแนวโน้มในระยะที่ยาวขึ้น ล่าสุด TPIPP ชนะประมูลโรงไฟฟ้าขยะที่สงขลา กำลังการผลิต 8MW เราประเมินจะช่วยเพิ่มรายได้ประมาณ 400 ล้านบาท/ปี EBITDA ประมาณ 300 ล้านบาท กำไรสุทธิประมาณ 150 ล้านบาท คาดจะเริ่ม COD ปี 2566 นอกจากนี้ TPIPP กำลังเข้าประมูล และ เตรียมประมูล โรงไฟฟ้าขยะอื่นๆ อีก รวม 11 โครงการ รวม 135MW จะเข้ามาชดเชย โรงไฟฟ้าขยะชุดแรก 18MW+55MW ที่ได้ adder 3.5 บาท จะทยอยหมดสัญญาในปี 2565
คำแนะนำการลงทุน
เราคาด TPIPP จะจ่ายปันผลกำไรครึ่งปีหลัง 0.15 บาท โดยจ่ายกำไรครึ่งปีแรกไปแล้ว 0.12 บาท รวมเป็นปันผลจ่ายกำไรปี 2563 เท่ากับ 0.27 บาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 6.1% ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E ปี 2564 ต่ำ 7.8 เท่า คงแนะนำ ซื้อลงทุน เราประเมินราคาเป้าหมาย ด้วยวิธี DCF (WACC = 8.4%) ได้เท่ากับ 5 บาท
ความเสี่ยง
คดีเอกชน 222 คน ฟ้องร้องคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กับพวกรวม 5 คน ต่อศาลปกครองกลาง เกี่ยวกับการทำ EHIA โรงไฟฟ้าถ่านหิน 150MW ของ TPIPP (ดูรายละเอียดในหมายเหตุประกอบงบ) / อายุ adder 7 ปี จำนวน 73MW จะหมดปี 2565 และ จำนวน 90MW จะหมด ปี 2568 หลังจากหมด adder TPIPP ยังสามารถขายไฟให้ กฟผ. ได้ต่อเนื่องที่ราคาฐาน
www.mitihoon.com