มิติหุ้น – STGT ฉายแววแจ่ม ออเดอร์ถุงมือยางทะลัก ตุนแบ็กล็อกกินยาวถึงกลางปี 66 โบรกฯ ส่งซิกกำไรไตรมาส 4/63 อาจดีกว่าคาด แถมมีปันผลสูง 11% เคาะคำแนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 50บาท ฟากผู้บริหารมั่นใจผลงานปี 64 โตไม่หยุด หลังดีมานด์ยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
ผูัสื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางที่ใช้ในทางการแพทย์และอุตสาหกรรมอื่น โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ ถุงมือยางธรรมชาติชนิดมีแป้ง ถุงมือยางธรรมชาติชนิดไม่มีแป้ง และถุงมือยางไนไตรล์ โดยฝ่ายวิจัย บล.ดีบีเอส วิเคอร์ส (ประเทศไทย) ประเมินภาพรวมธุรกิจหลังบริษัทมีการแตกพาร์ ทำให้ราคาหุ้นปรับลงมากึ่งหนึ่งและมีสภาพคล่องในการซื้อขายดีขึ้น ซึ่งแม้จะมีการเริ่มใช้วัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 และมีอุปทานในอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น แต่บริษัทมีจุดแข็งคือยอดคำสั่งซื้อ (Backlog) ยาวนานไปถึงกลางปี 66 แล้ว ทำให้มีความมั่นคงด้านรายได้และกำไรในอนาคต ดังนั้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาพื้นฐานใหม่ที่ 50.50 บาท
ลุ้นQ4กำไรพุ่ง-แนะนำซื้อ
ขณะที่ฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า กำไรไตรมาส 4/63 มีแนวโน้มสร้าง surprise ทางบวกได้ หลังตัวเลขส่งออกเดือน ธ.ค. ของ ก.พาณิชย์ชี้ออกมาแข็งแกร่งมาก ส่งให้ dividend yield ปีนี้ จะสูงถึง 11.0% ประกอบกับบริษัทมีแผนจ่ายปันผลถึง 3 ครั้งในปีนี้ โดยคาดบริษัทอาจรายงานกำไรไตรมาส 4/63 สูงกว่าฝ่ายวิจัยคาดที่ 6.1 พันล้านบาท โดยล่าสุดหุ้นถุงมือยางในมาเลเซียเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นแล้ว หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดในมาเลเซียเริ่มนิ่ง จนล่าสุด Forward P/E เฉลี่ยทรงตัวที่ 5.7 เท่า ซึ่งเมื่อใช้ P/E นี้เป็นเป้าหมาย ราคาเหมาะสมปี 64 จะขยับขึ้นเล็กน้อย 3% เป็น 50.00 บาท/หุ้น ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ”
ลั่นผลงานโต-เพิ่มกำลังผลิต
นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ STGT เผยว่าแนวโน้มผลประกอบการปี 64 บริษัทตั้งเป้ารายได้และกำไรสุทธิจะเติบโตมากกว่าปี 63 เนื่องจากความต้องการที่ยังอยู่ในระดับสูง และราคาขายที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมียอดซื้อจากลูกค้าที่รอบส่งมอบ (Backlog) ยาวไปถึง 31 เดือนในถุงมือยางส่วนของ “ถุงมือยางไนไตรล์” และ 16 เดือนสำหรับ “ถุงมือยางธรรมชาติ” และจะมีการล็อกราคาขายล่วงหน้าประมาณ 2 เดือนก่อนวันส่งมอบจริง ประกอบกับบริษัทจะมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นราว 15% จากปีนี้ หลังจากคาดว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 3.6 หมื่นล้านชิ้นต่อปี จากปีนี้ที่อยู่ระดับ 3.3 หมื่นล้านชิ้นต่อปี ส่วนผลงานไตรมาส 4/63 คาดจะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ)
www.mitihoon.com