3 กูรูหุ้นประสานเสียง แนะนำ “ซื้อ” CWT เคาะราคาเป้าหมาย 4.26-4.50 บาท/หุ้น คาดรายได้และกำไร ปี 64-65 เติบโตแข็งแกร่งจาก “ธุรกิจเบาะหนัง-โรงไฟฟ้า-
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์ หุ้น บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CWT) แนะนำ “ซื้อ” CWT ด้วยราคาเหมาะสมพื้นฐาน 4.50 บาท/หุ้น อิง PEG 1 เท่า (PE 30 เท่า) บนสมมุติฐานแนวโน้มกำไรปี 2564 ที่กลับมาเติบโต 50% และ CAGR 2019-22 ที่ 30% ต่อปี
โดยคาดการณ์รายได้จาก (1) ธุรกิจเบาะหนังรถยนต์ ที่คาดรายได้ปีนี้เติบโต 40% เป็น 1.4 พันล้านบาท (2) รายได้ธุรกิจโรงไฟฟ้า Multi-fuel จะรับรู้รายได้เต็มที่ปีนี้ คาดรายได้ราว 400-500 ล้านบาท (3) ธุรกิจประกอบรถและเรื อโดยสารสาธารณะภายใต้บริษัทฯ SakunC ซึ่งรองรับทั้งเทคโนโลยี แบตเตอรี่ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ดี เซล มีคำสั่งประกอบรถรอแล้วราว 200 คัน โดยธุรกิจโรงไฟฟ้าและธุรกิจ SakunC ยังไม่รวม Upside โครงการใหม่ ไว้ในประมาณการณ์ครึ่งปี 2564 ต่อเนื่อง 2565
นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการที่อยู่ระหว่ างพัฒนา คือ โรงไฟฟ้าขยะชุมชน จังหวัดนครสวรรค์ 8 MW ปัจจุบันบริษัทได้สัญญาบริหารจั ดการขยะแล้ว 25 ปี และอยู่ระหว่างขอ PPA สำหรับโครงการ Quick win คาดเห็นความชัดเจนภายในปี 2022 ซึ่งเรายังไม่ รวมในประมาณการกำไร
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์ เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.34 บาท/หุ้น โดยประเมินมูลค่าของ CWT โดยใช้เป้า PE ปี 2564F ที่ 25.5 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เนื่องจากโอกาสที่จะเติบโตจากธุ รกิจโรงไฟฟ้าในอนาคต
พร้อมกันนี้คาดว่ากำไรสุทธิของ CWT ในปี 2564 จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึง 81% จากช่วงเดียวกันปีก่อนเป็น 105 ล้านบาท จากการฟื้นตัวของกลุ่มผลิตภัณฑ์ หนังที่เป็นธุรกิจหลัก ซึ่งเป็นไปตามการฟื้นตั วของยอดผลิตรถยนต์ และยังเห็นปัจจัยผลักดั นในอนาคตจากการเข้าสู่ธุรกิ จใหม่ทั้งพลังงานทดแทนและธุรกิ จผลิตยานพาหนะไฟฟ้า
ปัจจุบัน CWT มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินงานเชิ งพาณิชย์ (COD) 2 โรง คือ โรงไฟฟ้าชีวมวลกำลังการผลิต 9.9 MW และโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิ ตย์กำลังการผลิต 5.0 MW (กำไรรวมประมาณ 40 ล้านบาท/ปี) และอยู่ระหว่างการขอ PPA โรงไฟฟ้าขยะชุมชนอีก 1 โครงการ กำลังการผลิต 5.5MW หลังได้รับงานบริหารจัดการขยะชุ มชนเมื่อปี 2561 โดยคาดว่าโครงการนี้จะได้รั บในอนุญาตและ COD ได้ในปลายปี 2565 (เราไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการ) และยังมีโครงการโรงไฟฟ้าขยะที่ อยู่ระหว่างการศึกษาอีก 2 โครงการ ซึ่งเป็น Upside ในอนาคตอีกด้วย ประกอบกับ SakunC ได้มีการส่งมอบเรือไฟฟ้าให้กั บทาง BANPU NEXT ไปแล้วบางส่วนและอยู่ระหว่ างการเตรียมส่งมอบรถบั สโดยสารบางส่วนในช่วงครึ่งปีหลั งของปี64 จาก Backlog ประมาณ 200 คัน ซึ่งเราคาดว่าธุรกิจนี้จะเป็นอี กหนึ่งupside สำหรับ CWT ในอนาคตเช่นกัน
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” พร้อมให้ราคาเหมาะสม 4.26 บาท/หุ้น อิงวิธี Sum of the parts โดย 1) ธุรกิจโรงฟอกหนังมูลค่า 3.3 บาท ประเมินราคาโดยใช้เป้าหมาย PE ที่ 21 เท่า อิงจาก +1.0 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของ PE ในอดีตของIHL 2) ธุรกิจโรงไฟฟ้ามูลค่ารวม 0.88 บาท อิง WACC 5.4% และ 3) ธุรกิจ SakunC ประเมินมูลค่า 0.07 บาทอิงมูลค่าทางบัญชีของบริษัท SakunC (PBV 1 เท่า)
ประเมินแนวโน้มธุรกิจโรงฟอกหนั งเริ่มฟื้นตัวเด่นในไตรมาส4 ปี 2563 และคาดจะต่อเนื่องในช่วงครึ่งปี แรกของปี 2564 เป็นอย่างน้อย โดยเฉพาะในส่วนของอัตรากำไรขั้ นต้นจากคำสั่งซื้อจากธุรกิ จรถยนต์เริ่มฟื้นตัว โดยยอดผลิตรถยนต์ในไตรมาส4 ปี 2563 เริ่มฟื้นตัวเพิ่มขึ้น 30% จากไตรมาสก่อน และสภาอุตสาหกรรมแห่ งประเทศไทยคาดยอดผลิตรถยนต์ปี 2564 จะกลับมาบวกได้ราว 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อีกทั้งราคาต้นทุนหนังสัตว์ปรั บลงแรงในปี 2563 และแนวโน้มยังต่ำต่อเนื่องในช่ วงครึ่งปีแรกของปี 2564 เนื่องจากดีมานด์สินค้าฟุ่มเฟื อยที่ลดลงไปมากทั่วโลกจากวิกฤติ โควิด-19 ประกอบกับค่าเงินบาทแข็งค่าเนื่ องจาก CWT นำเข้าหนังโคคิดเป็นราว 98% ของปริมาณหนังโคที่ใช้ทั้งหมด (ข้อมูลปี 2562) ขณะที่รายรับเป็ นการขายในประเทศไทยมากกว่า 90% จึงประเมินอัตรากำไรขั้นต้ นของธุรกิจนี้ไว้ที่ราว 22% และคาดกำไรสุทธิจากธุรกิ จโรงฟอกหนังจะเร่งตัวขึ้น 150% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 99 ล้านบาทในปี 2564
ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้ายังไปได้ดี และมีลุ้นได้โครงการเพิ่มซึ่งยั งไม่รวมในประมาณการฯ และจะเป็น Upside ในอนาคตหากโครงการนี้ได้ PPA สำหรับธุรกิจ SakunC คาดว่าในปีนี้น่าจะเริ่ม Break-even ได้ ซึ่งธุรกิจ SakunC แม้ในปัจจุบันจะยังถ่ วงผลการดำเนินงานโดยรวมอยู่ แต่คาดว่าจะเป็น Upside ในอนาคต หากธุรกิจ EV ในประเทศไทยเติบโต
ด้านนายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CWT) กล่าวว่าในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายว่าจะมีการเติ บโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อน และมีโอกาสสร้างสถิติสูงสุดใหม่ จาก 3 ธุรกิจหลัก ทั้งในส่วนของธุรกิจหนัง ซึ่งเป็นรายได้หลัก ธุรกิจโรงไฟฟ้าที่เป็น Recurring Income และธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็น New S-Curve ผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างก้ าวกระโดดในอนาคต
โดย “สกุลฎ์ซี” เตรียมส่งมอบรถบัสดีเซล พร้อมทั้งพัฒนารถบัส EV ซึ่งเชื่อว่าเป็นยานพาหนะสมั ยใหม่แบรนด์ไทยแท้ที่จะได้รั บการตอบรับที่ดีในอนาคต และจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่ วยสนับสนุนให้ผลการดำเนิ นงานของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่ องและยั่งยืนต่อไป