ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) โดยนางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ รักษาการแทน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน ปี 2563 บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (“กลุ่ม OR”) มีรายได้ขายและบริการ 428,804 ล้านบาท ลดลง 148,330 ล้านบาท (-25.7%) จากปีก่อน โดยหลักจากรายได้กลุ่มธุรกิจน้ำมัน โดย (1) ราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์น้ำมันปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งเป็นผลจากสงครามราคาระหว่างกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันเป็นสินค้าออก (OPEC) และประเทศรัสเซีย ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของอุปทานน้ำมันทั่วโลก รวมทั้งอุปสงค์ของน้ำมันทั่วโลกก็ลดลงจากการระบาดของโรค COVID-19 และ (2) ปริมาณขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักปรับลดลง ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยานดีเซล และเบนซิน จากผลกระทบของการระบาดของโรค COVID-19 สำหรับในประเทศไทยเพื่อระงับและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคCOVID-19 รัฐบาลไทยจึงได้ออกมาตรการจำกัดการเดินทาง และเวลาในการเปิด-ปิด ร้านค้า ส่งผลกระทบต่อปริมาณการขาย ในช่วงเดือนเมษายน 2563 อย่างไรก็ตามปริมาณการขายก็เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามลำดับเมื่อรัฐบาลไทยเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆในเดือนพฤษภาคม 2563 โดย ไตรมาส 4/2563 ปริมาณการขายปรับตัวเพิ่มเกือบเทียบเท่าสถานการณ์ปกติก่อนภาวะ COVID-19ยกเว้นผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยาน ที่ยังได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ และปริมาณเที่ยวบินทั่วโลกที่ลดลง และ LPG ภาคครัวเรือนจากสภาพเศรษฐกิจไทยที่ยังชะลอตัว สำหรับรายได้กลุ่มธุรกิจ Non-Oil ลดลง โดยหลักจากรายได้ของร้านค้าสะดวกซื้อ สำหรับรายได้กลุ่มธุรกิจต่างประเทศลดลงเช่นกัน สาเหตุจากผลกระทบของการระบาดของโรค COVID-19 ที่ส่งผลต่อราคาขายผลิตภัณฑ์และปริมาณขายที่ลดลง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยาน
สำหรับ EBITDA ในปี 2563 จำนวน 17,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 615 ล้านบาท (+3.6%) จากปีก่อน บางส่วนเป็นผลจากการปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน (Thailand Financial Reporting Standard : TFRS ) ฉบับที่ 16 สัญญาเช่า ทำให้ต้องจัดประเภทค่าเช่าที่เข้าเงื่อนไขตามมาตรฐานบัญชี จากเดิมจัดอยู่ในประเภทค่าใช้จ่ายดำเนินงานไปเป็นค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ส่งผลให้ EBITDA เพิ่มขึ้นประมาณ 1,361 ล้านบาท แม้ว่ากำไรขั้นต้นปรับลดลง948 ล้านบาท (-2.8%) โดยหลักจากธุรกิจน้ำมันในผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยานที่ปริมาณขายลดลงขณะที่กำไรขั้นต้นเฉลี่ยของน้ำมันอากาศยานปรับเพิ่มขึ้น ในด้านค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิและรายได้อื่น ปรับลดลง 1,567 ล้านบาท (-9.2%) โดยหลักจากค่าใช้จ่ายที่ลดลงผันแปรตามปริมาณขายที่ลดลงเช่น ค่าจ้างเติมน้ำมันอากาศยาน ค่าขนส่ง ค่าโฆษณาส่งเสริมการขาย เป็นต้น รวมถึงการปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 16 เรื่องสัญญาเช่า ตามที่กล่าวข้างต้น ทำให้ปี 2563 มี EBITDA margin รวมที่ 4.1%
สำหรับ กำไรสุทธิในปี 2563 มีจำนวน 8,791 ล้านบาท ลดลง 2,105 ล้านบาท (-19.3%) จากค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่สูงขึ้นจากการขยายสถานีบริการและร้านคาเฟ่ อเมซอน รวมถึงการจัดประเภทค่าใช้จ่ายตามมาตรฐานบัญชีใหม่นอกจากนี้ มีผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงินเพิ่มขึ้น จากการเริ่มใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9เครื่องมือทางการเงิน ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2563 โดยรวมแล้วส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้น อยู่ที่ 0.98 บาท ปรับลดลง (-19 %)
คาดความต้องการใช้น้ำมันเพิ่ม
สำหรับแนวโน้มปี 64 ความต้องการใช้น้ำมันของโลกในปี 2564 ตามรายงานของ IEA ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2564 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2564 ไปอยู่ที่ระดับ 96.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน สศช. คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในปี 2564 จะอยู่ในช่วง48.0 – 58.0 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากปี 2563 โดยมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ (1) แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก (2)ความร่วมมือระหว่าง OPEC ในการปรับลดกำลังการผลิตในปี 2564 (3) ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ อยู่ในระดับต่ำ และ (4)ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ของกลุ่ม OPEC
ปี 64 เดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง
OR มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายเครือข่ายทั้งธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจ Non-Oil ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยณ 31ธันวาคม 2563 มีสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์ PTT Station จำนวน 2,334 สถานี และร้านคาเฟ่ อเมซอน จำนวน3,575 สาขา และร้านเท็กซัส ชิคเก้น 78 แห่ง นอกจากนี้ OR ยังมีโครงการลงทุนที่สำคัญเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยมีความคืบหน้า ดังนี้
• การก่อสร้างโรงงานเบเกอรี่ส่วนกลาง ศูนย์กระจายสินค้าสำหรับธุรกิจคาเฟ่ อเมซอน โรงผลิตผงผสมเครื่องดื่ม เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพ และควบคุมมาตรฐานและคุณภาพ โดยมีแผนจะแล้วเสร็จภายในปี 2564
• การดำเนินการก่อสร้างคลังเก็บผลิตภัณฑ์แห่งใหม่ในเมียนมาผ่านบริษัทร่วมค้า Brighter Energy CompanyLimited (BE) เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจน้ำมันในเมียนมา โดยมีแผนจะแล้วเสร็จภายในปี 2564
www.mitihoon.com