จับตาถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯต่อสภาคองเกรส และความคืบหน้าในการออกมาตรการเยียวยารอบใหม่ของสหรัฐฯ

52

มิติหุ้น-SCBS CIO ระบุว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (15-19 ..) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ โดยในช่วงแรก ดัชนีปรับเพิ่มขึ้น ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และความคาดหวังการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯรอบใหม่วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ดัชนีฯลดช่วงบวกลง และปิดลบ จากความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯยุติการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย นอกจากนี้ ดัชนีฯยังได้รับปัจจัยกดดันจากการที่สภาคองเกรสไต่สวนกลุ่มบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์หุ้น GameStop ซึ่งสร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯก่อนหน้านี้ ในขณะที่ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ขานรับการที่คณะกรรมาธิการยุโรปสั่งซื้อวัคซีนต้านโควิด-19 ของ Moderna เพิ่มอีก 150 ล้านโดส ประกอบกับ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ในเดือน ก..ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ เดือน ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดบวกเช่นกัน ขานรับตัวเลข GDP ของญี่ปุ่นในไตรมาสที่ 4/2020 ขยายตัว 12.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี และดีกว่าตลาดคาดที่ 9.5% ประกอบกับได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของ Pfizer อย่างเป็นทางการ สำหรับตลาดหุ้นจีน (A-Share) ปรับลดลง จากการความกังวลที่ว่า ธนาคารกลางจีนอาจใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัว หลังธนาคารกลางจีนได้ถอนสภาพคล่องออกจากระบบ 260 พันล้านหยวน ขณะที่ ตลาดหุ้นไทย ปิดลบ จากแรงขายหุ้น DELTA และ OR เนื่องจากปัจจัยลบเฉพาะตัว เช่น ตลาดหลักทรัพย์ได้ประกาศใช้เกณฑ์ Cash balance ระดับ กับหุ้น DELTA และการที่ผู้จัดทำดัชนี FTSE ยังไม่ปรับหุ้น OR เข้าคำนวณในดัชนีตามเกณฑ์ Fast track ด้าน ราคาน้ำมันดิบปิดลบ จากรายงานที่ว่า อิรักได้ส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกของเดือน ก.และแนวโน้มที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯอิหร่านจะดีขึ้น แม้ว่า สภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดจะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ ก็ตาม ขณะที่ ราคาทองคำ ปิดลบเช่นกัน โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ดอลลาร์ สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้น และ อายุ 10 ปีที่เพิ่มขึ้นอยู่ระดับสูงสุดตั้งแต่เดือน ก.. 2563

ในสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวน โดยได้รับ Sentiment ในเชิงบวก จากความคาดหวังการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐฯ ตามที่นางเพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯกล่าวว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จะพยายามผลักดันมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ ให้ผ่านการอนุมัติภายในเดือนนี้ ขณะที่ นางเยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ย้ำว่า การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ จะช่วยให้การจ้างงานเข้ากลับสู่ภาวะเต็มศักยภาพภายในเวลา 1 ปี ประกอบกับได้แรงหนุนจากแนวโน้มการแจกจ่ายวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งล่าสุดทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนไปแล้วรวม 205 ล้านโดส

อย่างไรก็ตาม ความกังวลจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ปรับเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงที่ทางการสหรัฐฯอาจออกกฎระเบียบเพิ่มเติมในตลาดการเงินสหรัฐฯ หลังสภาคองเกรสได้ไต่สวนกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในปรากฏการณ์ GameStop ความเสี่ยงจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี จากประเด็น Valuation ที่ค่อนข้างตึงตัว แนวโน้มการออกกฎระเบียบที่เข้มงวดขี้น และความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ รวมทั้ง ข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ยังมีอยู่ ประกอบกับ นักลงทุนรอติดตามถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อสภาคองเกรส โดยประเด็นข้างต้นเหล่านี้ จะสร้างความผันผวน และกดดันตลาดหุ้นโดยรวมให้เพิ่มขึ้นอย่างจำกัด

www.mitihoon.com