มิติหุ้น-คุณวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป ระบุว่า ควรจะต้องกลับมาเพิ่มความระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น หลัง Bond Yield สหรัฐและไทยทำ New High ในรอบ 1 ปี บ่งชี้ว่าตลาดเริ่มคาดหวังต่อเงินเฟ้อที่เริ่มก่อตัว เป็นผลให้ธนาคารกลางทั่วโลกอาจต้องดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น (เป็นลบกับตลาดหุ้น) ฝั่ง Demand(1) ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 เริ่มลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญเฉลี่ยเหลือวันละเพียง 4 แสนราย จากต้นปีที่ 8 แสนรายต่อวัน เชื่อว่าด้วยตัวเลขที่ลดลงนำมายังการผ่อนคลายมาตรการทั่วโลกหนุนอุปสงค์โดยรวมค่อยๆฟื้น (2) PMI INDEX ประเทศขนาดเศรษฐกิจอันดับต้นๆของโลกอยู่เหนือเกินกว่า 50 ชี้ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจจากนี้ที่จะเริ่มขยายตัว (3) ภาคแรงงานในสหรัฐปัจจุบันอัตราการว่างงานล่าสุดประจำเดือน ม.ค. เหลือเพียง 6.3% จากจุดสูงสุดที่ 14.7% แม้จะยังไม่กลับไปเท่ากับระดับก่อน COVID-19 ที่ 3.5% แต่แนวโน้มก็ลดลงต่อเนื่อง ฝั่ง Cost ปัจจุบัน Commodity (น้ำมัน ยางพารา) ต่างก็พุ่งขึ้นทำ New High ในรอบ 1 ปี
สำหรับผลกระทบต่อตลาดหุ้นมองมีโอกาสค่อยๆปรับฐานเพื่อหาสมดุลใหม่ของ Earnings Yield Gap ปัจจุบันส่วนต่างผลตอบแทนระหว่าง SET , TH1Y BY ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี หากจะให้กลับไปเท่าค่าเฉลี่ย SET จะมีแนวรับบริเวณ 1400 +/- (10 จุด) อย่างไรก็ตามมองการปรับฐาน (หากเกิดขึ้น) ไม่ได้น่าวิตกเนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจทั้งโลกยังดีอยู่และเป็นโอกาสสะสม เน้นกลุ่มได้ประโยชน์เศรษฐกิจโลกเติบโต อาทิ ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) ปิโตรเคมี (PTTGC IVL) อาหารและเครื่องดื่ม (CPF CBG GFPT TFG) แต่ควรระวังหุ้นที่อ่อนไหวกับดอกเบี้ยมีแนวโน้มขึ้น อาทิ โรงไฟฟ้าที่ PE สูง (BGRIM GULF GPGC)
www.mitihoon.com