ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง หรือ ACG ดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวกับการลงทุนในกิจการจำหน่ายรถยนต์และอะไหล่ และศูนย์บริการ โดย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ACG ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส4/63 ที่ 10.3 ล้านบาท (-29.1% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ +58.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า) โดยกำไรสุทธิที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนนั้น เป็นผลจาก COVID-19 ที่กดดันกำลังซื้อ
รายได้บริการ-ขายอุปกรณ์โตหรู
ทั้งนี้หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า พบว่าการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิได้แรงหนุนจากรายได้รวม ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.9% จากรายได้การขายรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่ง ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น +15.6% จากไตรมาสก่อนหน้า รวมถึงรายได้บริการซ่อมบำรุงและจำหน่ายอะไหล่ ที่เพิ่มขึ้น +4.6% ซึ่งเป็นตัวเข้ามาชดเชย GPM ที่ลดลงจาก 10.8% ในไตรมาส3/63 เป็น 9.9%
ขณะที่ปี2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 34.8 ล้านบาท (ต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาด 37 ล้านบาท) จากรายได้รวมที่ปรับตัวลดลง ซึ่งหลักๆ มาจากรายได้ในธุรกิจขายรถยนต์ที่ลดลง -39.5% แม้บางส่วนจะถูกชดเชยจากธุรกิจให้บริการซ่อมบำรุง +4.1% ซึ่งปกติมีมาร์จิ้นสูง และช่วยหนุน GPM เพิ่มขึ้นจาก 6.4% ในปี 63 เป็น 8.8% ก็ตาม
มาร์จิ้นธุรกิจให้บริการขยับสูง
อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยยังแนะนำ “ซื้อ” ด้วยสถานการณ์ COVID-19 ที่ดีขึ้น คาดหนุนบรรยากาศจับจ่ายฟื้นบวกกับการเพิ่มสัดส่วนธุรกิจให้บริการผลักดันมาร์จิ้นสูงขึ้น โดยให้ราคาพื้นฐานปี 64 ที่ 1.33 บาท ทั้งนี้ ACG ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น (XD 26 เม.ย. 64 และจ่ายปันผล 18 พ.ค. 64)
www.mitihoon.com
