มิติหุ้น-บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ผู้นำนวัตกรรมสีทาอาคารและผลิตภัณฑ์ปกป้องพื้นผิวแบบครบวงจรในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ประกาศเป้าหมายการเติบโตปี 2564 รายได้เพิ่มขึ้น 10% ด้วย กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่เติบโตมากกว่าการเป็นธุรกิจสีเบอร์หนึ่งในประเทศ ด้วยการบุกตลาดวัสดุก่อสร้างน้ำหนักเบา (lightweight construction) พร้อมการเพิ่มโมเดลธุรกิจร้านสินค้า TOA ครบวงจร “MEGA PAINT Warehouse” ที่ได้เปิดสาขาแรกแล้วที่ย่านพระราม 2 และศูนย์จำหน่ายสินค้าเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง “TOA Protect & Repair Center” ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วประเทศ เสริมด้วยการขยายตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ และนำเสนอบริการช่างคุณภาพผ่าน “WHO Service” เตรียมพร้อมกับการฟื้นตัวของกำลังซื้อในปี 2564
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทประจำปี 2563 บริษัทฯ มียอดขาย 16,296 ล้านบาท ลดลง 4% จากปีก่อนหน้า โดยมีกำไรสุทธิ 2,031 ล้านบาท คิดเป็น กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.00 บาทต่อหุ้น ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับผลกระทบบางส่วนจากการปิดห้าง Modern trade ในช่วง Lockdown ภายในประเทศ รวมทั้งการ Lock down ที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศอาเซียน ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคบางส่วนและงานโครงการก่อสร้างชะลอตัวลงจากสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา
อย่างไรก็ตามรายได้จากยอดขายของบริษัทฯ ที่ลดลงน้อยกว่าการหดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศ เนื่องจากการวางกลยุทธ์การขยายตลาดสินค้าเข้าสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอย่างครบวงจร เช่น ผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้าง ยิปซั่มบอร์ด ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ช่วยทดแทนรายได้บางส่วนที่หายไปและเพิ่มความสามารถในการทำกำไรในสภาวะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลง ประกอบการปรับตัวอย่างรวดเร็วในฐานะผู้นำตลาด ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่ง
โดยในปี 2564 เป็นอีกปีแห่งความท้าทายของบริษัทฯ และภาคธุรกิจทั่วโลก เราเชื่อว่าจากปัจจัยความคืบหน้าในการผลิตและแจกจ่ายวัคซีน ที่ทำให้สถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศเริ่มฟื้นตัว TOA จึงตั้งเป้าการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้น 10% จากปี 2563 ผ่านการรุกตลาดผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร และการขยายตลาดผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการเข้าซื้อหุ้นของธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายกระเบื้อง (วัสดุก่อสร้างน้ำหนักเบา (light weight construction) ในช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การสร้าง Synergy ให้แก่ Product Line อื่นๆ ของ TOA นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจ การเข้าซื้อหุ้นหรือการทำ M&A ของธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องและมีศักยภาพเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวของบริษัทฯ ต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ของผู้บริโภค TOA มีการพัฒนาระบบ ช่องทางการจัดจำหน่าย การสื่อสารการตลาด และการยกระดับบริการงานช่างมาตรฐานใหม่ “WHO Service” เพื่อเป็นช่องทางแนะนำช่างผู้รับเหมามืออาชีพที่ตอบโจทย์เจ้าของบ้าน ด้วยโซลูชั่นงานก่อสร้าง ซ่อมบ้าน รีโนเวทบ้าน ปรับปรุงโรงงานครบระบบ โดยทีมช่างที่ผ่านการตรวจสอบและคัดเลือกจาก TOA เพื่อให้ลูกค้าเลือกใช้และมั่นใจได้ 100% ด้วยบริการอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอน
www.mitihoon.com