มิติหุ้น-FTE เตรียมปันผลเพิ่ม 0.04 บาทต่อหุ้น รวมจ่ายปันผลทั้งปี 71.48 % ของกำไรสุทธิฯ หลังหักสำรองตามกฎหมาย กำหนดจ่าย 30 เม.ย. 64 เดินหน้าลุยงานตามแผนเชิงรุก มุ่งเน้นภาคเอกชน เจาะกลุ่มโรงงาน ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ เพิ่มทีมขาย แตกไลน์สินค้า สร้างโอกาสการแข่งขัน ตั้งเป้ารายได้ปี 64 ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรสุทธิไม่น้อยกว่า 10% เผยงบปี 63 กวาดรายได้ 914.16 ล้านบาท กำไร 60.53 ล้านบาท
นายทักษิณ ตันติไพจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (FTE) ผู้นำธุรกิจนำเข้าและจำหน่าย บริการออกแบบ รับเหมาติดตั้ง ซ่อมแซม ตรวจสอบอุปกรณ์-ระบบดับเพลิงครบวงจร เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้นำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 จ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมให้แก่ผู้ถือหุ้นอีก 0.04 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวนเงิน 24 ล้านบาท จากที่ได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตรา 0.02 บาท/หุ้น หรือจำนวน 12 ล้านบาท รวมเป็นการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2563 ให้แก่ผู้ถือจำนวน 36 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราจ่ายปันผล 71.48 % ของกำไรสุทธิของบริษัทหลังหักสำรองตามกฎหมาย โดยจะทำการกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 19 เม.ย. 64 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 30 เม.ย. 64 (ขออนุมัติจากประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 5 เม.ย. 64)
สำหรับการดำเนินงานปีนี้บริษัทเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ มุ่งเน้นกลยุทธ์เชิงรุก การขยายฐานลูกค้าเจาะกลุ่มภาคเอกชน อาทิ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ศูนย์คอมพิวเตอร์ดาต้าเซ็นเตอร์ นอกจากนี้ โรงงานประกอบเครื่องสูบน้ำดับเพลิง (Fire pumps) สามารถดำเนินการและรับรู้รายได้ได้ในปีนี้
ในส่วนของภาครัฐ เน้นการรับงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ อาทิ งานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงสถานีไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ. งานปรับปรุงระบบดับเพลิงในสถานบริการด้านสาธารณสุขทั้งภาครัฐและเอกชน งานปรับปรุงระบบดับเพลิงสนามบินทั่วประเทศ และเตรียมความพร้อมในการยื่นประมูลงานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงรถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟรางคู่
นอกจากนี้ บริษัทได้เพิ่มประสิทธิภาพด้านงานขาย โดยเพิ่มทีมขายที่มีความเชี่ยวชาญ อีกทั้งมีแผนที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆ เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการใช้งานของกลุ่มลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน
ขณะที่ ผลประกอบการปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 914.16 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม1,038.30 ล้านบาท จำนวน 124.14 ล้านบาท หรือลดลง 11.96 % และมีกำไรสุทธิ 60.53 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 114.60 ล้านบาท จำนวน 54.07 ล้านบาท หรือลดลง 47.18 %
ทั้งนี้ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวลดลง เนื่องจากรายได้จากการขายลดลง และมีค่าใช้จ่ายการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ไม่มีตัวตน ค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ตามสัญญาเช่า ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 16 เรื่อง สัญญาเช่า และรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ทางการเงิน (หนี้สงสัยจะสูญ) ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินกลุ่มเครื่องมือทางการเงินที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น