CPW ประกาศงบปี 63 ทำรายได้กว่า 3,315 ลบ. บอร์ดปันผล 0.08 บ./หุ้น มั่นใจปี 64 กำลังซื้อสินค้าเทคโนโลยีบูม ตั้งเป้ารายได้โต 20%

63

 

มิติหุ้น-คอปเปอร์ ไวร์ด (CPW) ประกาศงบปี 63 ทำรายได้กว่า 3,315 ล้านบาท กำไรสุทธิเกือบ 55 ล้านบาท ลดลงจากผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 และมีการปิดสาขาชั่วคราว อย่างไรก็ดี CPW เร่งเติบโตในตลาดออนไลน์ และนำเสนอสินค้ารับกระแส New Normal หนุนภาพรวมปลายปีฟื้น และเชื่อจะดีต่อเนื่องในปี 64 รับโอกาสสินค้าเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิต การทำงาน และการเรียนการสอน โดย ณ สิ้นปี 63 บริษัทฯ มีร้านค้าปลีกภายใต้การบริหาร 47 สาขา ตั้งเป้าปีนี้เปิดอีก 7 สาขา ปักธงรายได้โต 20% ด้านบอร์ดฯ สร้างความเชื่อมั่น ไฟเขียวจ่ายปันผลตอบแทนผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท กำหนดจ่าย 5 พฤษภาคมนี้

นายปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW เปิดเผยว่า ในปี 2563 นับเป็นปีที่ท้าทายในการดำเนินธุรกิจ จากภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัวจากผลกระทบของสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ส่งผลต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีแรก โดย CPW เตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการภายใน และปรับกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว เพิ่มโอกาสในการเติบโตผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้ยอดขายผ่านออนไลน์ในปี 2563 เติบโตจากปีก่อน ร้อยละ 567  และปัจจัยบวกจากสินค้าเทคโนโลยี โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม Work from Home และ e-Learning ที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภค

ทั้งนี้ เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจัดสรรเงินกำไรส่วนหนึ่งจากผลการดำเนินงานประจำปี 2563 เพื่อจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท เป็นเงินจำนวน 48,000,000 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 87.62 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่ 8 มีนาคม 2564 (Record Date) และจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น 5 พฤษภาคม 2564

สำหรับผลประกอบการประจำปี 2563 CPW มีรายได้จากการขายและบริการ 3,315.11 ล้านบาท ลดลงจากงวดปีก่อนร้อยละ 7.58 สาเหตุหลักมาจากการปิดสาขาเกือบทั้งหมดเป็นการชั่วคราวในเดือนมีนาคม ถึงเดือนพฤษภาคม 2563 จากมาตรการด้านการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการหดตัวของภาคเศรษฐกิจโดยรวม ส่งผลให้รายได้จากการขายสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ และรายได้ค่าบริการปรับลดลง ขณะที่รายได้จากการขายของสินค้าคอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต รวมทั้งโทรศัพท์มือถือเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากปรับเข้าสู่การเรียนการสอน และการทำงานที่บ้านในช่วงโควิด-19 ส่งผลบวกต่อสินค้ากลุ่มดังกล่าวได้รับการตอบรับมากขึ้น ด้านกำไรสุทธิของบริษัทฯ อยู่ที่ 54.78 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 29.36

ณ สิ้นปี 2563 บริษัทฯ มีร้านค้าปลีกภายใต้การบริหารงานจำนวน 45 สาขา จากปี 2562 มีจำนวน 42 สาขา ประกอบด้วย ร้าน .life (ดอทไลฟ์ ) จำนวน 23 สาขา ร้าน Apple Brand Shop จำนวน 17 สาขา (แบ่งเป็น iStudio by copperwired จำนวน 13 สาขา U-store by copperwired จำนวน 3 สาขา และ Ai_จำนวน 1 สาขา) และศูนย์บริการ iServe จำนวน 5 สาขา นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้นำสินค้ากลุ่ม Apple เข้าไปวางจำหน่ายในร้าน .life ทั้ง 23 สาขา เพิ่มเติม Product Mix ภายในร้านให้แข็งแกร่ง และสร้างยอดขายสินค้ากลุ่ม iPhone และดีไวซ์ที่รองรับ 5G ได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น

“ภาพรวมธุรกิจครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากร้านค้าของบริษัทฯ เกือบทั้งหมดได้หยุดการให้บริการในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่เป็นแรงกระตุ้นให้ช่องทางออนไลน์มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด สะท้อนความต้องการสินค้าเทคโนโลยีแม้ในยามวิกฤติยังเป็นสินค้าจำเป็น ทั้งกลุ่มนักศึกษา และคนวัยทำงาน มีความต้องการสินค้าเพื่อใช้สำหรับการเรียนและการทำงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น iPhone iPad และ Mac ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลัง ได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการคลายล็อกดาวน์ และการเปิดตัวสินค้าใหม่ โดยเฉพาะ iPhone 12 ที่เปิดตัวในช่วงไตรมาส 4/2563 สามารถทำยอดขายทุบสถิติอีกครั้ง ต่อเนื่องจากรุ่นที่ผ่านมา เราจึงมั่นใจว่า CPW ในปี 2564 จะสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และยังเป็นธุรกิจที่รับเทรนด์ในตลาดโลก ผู้บริโภคให้การตอบรับสินค้าเทคโนโลยีรวมไปถึงสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์มากขึ้น” นายปรเมศร์ กล่าว

อย่างไรก็ดี ในปี 2564 บริษัทฯ มองว่าสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์จะมีโอกาสกลับมาสร้างการเติบโตได้เป็นอย่างมาก เนื่องจากสินค้าในกลุ่มสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ได้รับการตอบรับ และ 5G เข้ามาเขย่าตลาดเทคโนโลยี ขณะที่การกลับมาของสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ไม่กระทบธุรกิจ เนื่องจากบริษัทฯ มีแผนเตรียมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเข้มงวดตามมาตรการป้องกันขั้นสูงสุด พร้อมขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านออนไลน์ควบคู่แบบออฟไลน์ ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มอีก 7 สาขา วางรายได้ปีนี้เติบโตร้อยละ 20 จากปีก่อน

www.mitihoon.com