มิติหุ้น-LPH ประกาศงบปี 63 รายได้โตอยู่ที่ 1,814.63 ลบ. กำไรสุทธิ 142.89 ลบ. บอร์ดชงจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังอีก 0.10 บ./หุ้น “ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช” แม่ทัพใหญ่ เปิดแผนปี 64 ตั้งธงรายได้โต 15-20% เพิ่มโควต้าผู้ป่วยประกันสังคมอีก 10,000 ราย พร้อมทุ่มงบ 1,200 ล้านบาท เดินหน้าลงทุนขยายธุรกิจ เล็งเข้าซื้อโรงพยาบาลเอกชนย่านกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 1 แห่ง มูลค่า 800 ล้านบาท คาดสรุปภายในครึ่งแรกปีนี้ และแผนลงทุนโครงการบ้านพักผู้สูงอายุ ที่เขาใหญ่ มูลค่าราว 250 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ยอดตรวจโควิดพุ่งต่อเนื่อง แถมลดค่าตรวจเอาใจคนรักสุขภาพ เตรียมพร้อมรอรัฐไฟเขียวฉีดวัคซีน
ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH เปิดเผยถึง ผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวดปี 2563 (สิ้นสุดเดือนธันวาคม 2563) มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ จำนวน 142.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.39 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 29.32% โดยมีรายได้รวม 1,814.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13.64% โดยมีรายได้จากการรักษาพยาบาล 1,553.45 ล้านบาท เติบโตขึ้น 12.27% จากการขยายการบริการตรวจสุขภาพ ทำให้ในด้านผู้ป่วยทั่วไปเพิ่มขึ้น 4.59% และรายรับค่าบริการทางการแพทย์เพิ่มสูงขึ้น 27.02% เมื่อเทียบกับรายได้หลังปรับปรุงของปีที่ผ่านมา
โดยมีสาเหตุหลักจากการที่สำนักงานประกันสังคมปรับเพิ่มอัตราค่าบริการทางการแพทย์ในปี 2563 ให้แก่สถานพยาบาลคู่สัญญาในระบบประกันสังคม และรายได้จากการบริการของบริษัทย่อย มีจำนวน 247.81 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี 2562 คิดเป็น 25.31% โดยสัดส่วนรายได้ 88.67% เป็นการเติบโตของรายได้จากธุรกิจศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย (AMARC) และจากธุรกิจบริการตรวจสุขภาพ (AH) 11.33% ซึ่งกลุ่มธุรกิจของบริษัทย่อยที่เติบโตเกี่ยวข้องกับบริการที่จำเป็นเพื่อสุขภาพที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การเติบโตของธุรกิจโดยรวมไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ก่อนหน้า จากเหตุการณ์ล็อกดาวน์ และมาตรการที่เกี่ยวข้องสืบเนื่องจากการระบาดของโควิด-19
อย่างไรก็ตาม เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น และสะท้อนความเชื่อมั่นการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตรา 78.91% จากผลประกอบการกำไรสุทธิประจำปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท โดยบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท คงเหลือการจ่ายเงินปันผลอีกในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท วันกำหนดสิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล วันที่ 6 พฤษภาคม 2564 วันที่จ่ายปันผล 21 พฤษภาคม 2564
สำหรับแผนธุรกิจปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในปี 2564 บริษัทกลับมาเติบโตในระดับปกติ เนื่องจากปีนี้โรงพยาบาลได้โควต้าผู้ป่วยประกันสังคมเพิ่มขึ้นอีก 10,000 คน จากเดิม 1.61 แสนคน เป็น 1.71 แสนคน คาดหนุนรายได้ในส่วนนี้เพิ่มขึ้น 5% ประกอบกับจำนวนฐานผู้ป่วยเงินสดเดิมที่ยังเหนียวแน่น และฐานผู้ป่วยเงินสดใหม่ขยายตัว ในฐานะโรงพยาบาลเอกชนขนาดกลางที่ให้บริการในเขตที่มีประชากรหนาแน่น และไม่ได้มีการขึ้นอัตราค่ารักษาสุขภาพในช่วงเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงประเมินว่ารายได้ส่วนนี้จะขยายตัวมากถึง 25-30% จากปี 2563
นอกจากนี้ ทางโรงพยาบาลลาดพร้าว ยังได้เพิ่มแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยเกิดความเชื่อมั่นในการเลือกการรักษากับหมอที่เก่งในราคาที่เหมาะสม ขณะที่การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2564 ทำให้ปัญหาการจราจรเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ
ดร.อังกูร กล่าวต่อว่า ในปี 2564 บริษัทวางงบลงทุนไว้ประมาณ 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็น 1. การเจรจากับพันธมิตร เพื่อเข้าไปลงทุนในโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 1 ราย ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่มีกำไรที่ดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาราคาที่จะเข้าไปลงทุน เบื้องต้นวางงบลงทุนไว้ประมาณ 800 ล้านบาท คาดใช้ระยะเวลา 6 เดือน เพื่อสรุปความชัดเจนว่าจะลงทุนหรือไม่ โดยหากบริษัทเข้าลงทุนแล้วในอนาคตมีแผนที่จะนำโรงพยาบาลดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต่อไป
2.แผนการลงทุนโครงการบ้านพักผู้สูงอายุ บริษัทสนใจซื้อวิลลาที่เขาใหญ่ ซึ่งเดิมผู้ประกอบการจะทำเป็นวิลล่า แต่เมื่อเจอสถานการณ์โควิด–19 การก่อสร้างได้หยุดชะงัก จึงมีแผนจะปรับมาเป็นบ้านพักผู้สูงอายุ สอดคล้องกับนโยบายบริษัท ด้วยมูลค่าราว 250 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาคาดชัดเจนในไตรมาส 1/ 2564 ซึ่งทั้ง 2 โครงการ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ รับหลักการไปแล้ว รอเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือน เม.ย.2564
ส่วนปี 2565 มีแผนสร้างโรงพยาบาลอีก 2 แห่ง เป็นโรงพยาบาลตา และโรงพยาบาลเฉพาะทาง ขนาด 30 เตียง โดยจะเป็นศูนย์โรคหัวใจ ตับ ไต ห้องไอซียู ห้องผ่าตัดที่ทันสมัย เพื่อยกระดับโรงพยาบาล ลาดพร้าว เป็นโรงพยาบาลระดับสูงที่ทันสมัย มีแพทย์เฉพาะทางที่เก่ง ในบริเวณพื้นที่โรงพยาบาลเดิม (เช่า 30 ปี) มูลค่ารวมประมาณ 400 ล้านบาท หรือลงทุน 200 ล้านบาทต่อโครงการ และการลงทุนการขยายพื้นที่บริการอาคารจอดรถอัจฉริยะ จะใช้เวลานาน 1 ปี จากเดิม 6 เดือน คาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2564
ขณะที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ มองว่าจะสามารถควบคุมได้ และโรงพยาบาลเอกชนได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยปัจจุบันทางโรงพยาบาลฯ ได้มีให้บริการโปรแกรมการตรวจคัดกรองโรคหาภูมิคุ้มกันโควิด-19 รองรับบริการ
www.mitihoon.com