ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ บมจ.สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ หรือ STI ว่า กำไรในไตรมาส 4/63 ของ STI เป็นไปตามคาด -20.5% (QoQ) แต่ +63.5% (YoY) หนุนกำไรทั้งปี 2563 เติบโต 74.5% ใกล้เคียงคาด แม้ไตรมาส 4/63 Backlog ในมือมีจำนวนมาก แต่หลายโครงการเลื่อนการก่อสร้างจากไตรมาส 4 เป็นปี64 แทน จึงทำให้รายได้ในไตรมาส 4/63 อ่อนตัวลง 8.5% จากไตรมาส 3/63
อีกทั้งทุกช่วงไตรมาส4 กลุ่ม STI จะมีค่าใช้จ่ายโบนัสพิเศษให้แก่พนักงานที่ทำผลงานดีเด่น เพื่อเป็นการจูงใจให้พนักงานมี Loyalty กับองค์กร ส่งผลให้กำไรสุทธิไตรมาส4/63 ลดลง 20.5% QoQ เหลือ 36 ล้านบาท แต่ยังเติบโต 63.5% YoY โดยได้รับผลบวกจากซื้อกิจการ Asian Engineering Consultant (AEC) สัดส่วน 64.75% ซึ่งทำธุรกิจประเภทเดียวกัน แต่เน้นให้บริการโครงการรัฐ ตั้งแต่ 30 เม.ย. 63 ส่งผลให้รายได้ไตรมาส4/63 เติบโต 123.6% YoY
ขณะรับรู้กำไรจาก AEC ตามสัดส่วนการถือหุ้น ที่เหลืออีก 36.25% จะเป็นกำไรของส่วนผู้ถือห้นส่วนน้อย เป็นผลให้กำไรงวด 4Q63 เติบโตน้อยกว่าการเติบโตของรายได้ ขณะช่วยให้กำไรปี 63 เติบโต 74.5% ใกล้เคียงคาด
กำไรไตรมาส 1/64 ยังเติบโตระดับสูง
โดยอานิสงส์ดีลซื้อ AEC ยังส่งผลบวกถึงสิ้น เม.ย. 64 หลังซื้อกิจการ AEC ยอด Backlog ของกลุ่มเพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 2 พันล้านบาทเป็น 4 พันล้านบาท นอกจากนี้ AEC ยังเน้นรับคุมงานก่อสร้างโครงภาครัฐเป็นหลัก จึงไม่ได้รับผลกระทบจากพิษโควิด อีกทั้ง STI เองได้มีการปรับตัว โดยรับคุมงานก่อสร้างภาครัฐมากขึ้น
ทั้งนี้ STI ยังรับผลบวก 4 เดือนแรกของปีก่อนที่ฐานรายได้และฐานกำไรต่ำ เพราะยังไม่รวมกำไรของ AEC ในงบการเงินรวม จึงเห็นกำไรงวด 1Q64 ยังเติบโต YoY ในระดับสูงมาก ขณะกำไรงวด 2Q64 จะเติบโต YoY ในอัตราที่ชะลอตัวลง ทั้งนี้ STI ตั้งเป้ารับรู้รายได้ในปีนี้เพิ่มขึ้นราว 20% YoY ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น ในปีนี้จะบางลงจากปีก่อนหน้า เพราะงานส่วนใหญ่เป็นโครงการภาครัฐ ขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A กว่า 60% เป็นต้นทุนคงที่ ทำให้กำไรมีแนวโน้มเติบโตมากกว่ารายได้ อย่างไรก็ตาม เรายังอนุรักษ์นิยม คาดการณ์รายได้ปีนี้เติบโตราว 18% ขณะคาดกำไรสุทธิปี 64 อยู่ที่ 177 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.8% และคาดจะเติบโตอีก 10.3% ในปี 65
ราคาเป้าหมายปี 2564 อิงวิธี GGM ที่ 3.4 เท่าของ BV64F ซึ่งอยู่ที่ 10 บาท ประเมินมูลค่าพื้นฐานด้วยวิธี GGM โดยใช้ตัวแปร Long-term ROE ที่ 20% Long-term Growth (LTG) ที่ 3% ภายใต้ Dividend Payout Ratio ที่ 75% Cost of Equity ที่ 8% ได้ PBV ที่ 3.4 เท่า ราคาเป้าหมายปี 64 ที่ 10 บาท
คำแนะนำ
การเข้าซื้อกิจการ AEC ช่วยกระจายพอร์ตมาพึ่งพิงภาครัฐมากขึ้น หนุนให้เติบโตได้ แม้อสังหาฯชะลอตัว รวมทั้งฺ Backlog ที่มีอยู่สูงมาก ทำให้รายได้มีการเติบโตอย่างมั่นคงในช่วง 3 ปีนี้ บวกกับราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 24.2% อีกทั้งจะจ่ายเงินปันผลของปี 2563 ที 0.40 บาท D/P สูงถึง 5% XD 10 พ.ค. นี้ นอกจากนี้ STI ยังอยู่ระหว่างศึกษาดีลเข้าซื้อกิจการธุรกิจที่ใกล้เคียงกันเพิ่มเติมเพื่อช่วยเพิ่มฐานกำไรในอนาคต ถือเป็น upside gain เพิ่มเติมซึ่งยังไม่รวมอยู่ในประมาณการ