ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) โดย บทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า ธุรกิจหลักปี 64 ของ WHA มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากปี 63 ได้รับผลกระทบมากจากปัญหาโควิด-19 และภัยแล้ง,ธุรกิจสาธารณูปโภคมีโอกาสฟื้นตัวทั้งน้ำอุตสาหกรรมและไฟฟ้าตั้งเป้าเพิ่มขึ้น 34% และ 14% ตามลำดับ
ธุรกิจนิคมฯ มีBacklog รับประกันรายได้แล้วในส่วนไทย 41% และเวียดนาม 24% เป้าโอนปีนี้900-1,000
ไร่ คาดว่าจะทำได้ และธุรกิจเช่าโลจิสติกส์ตั้งเป้าพื้นที่เช่าเพิ่ม 175,000 ตรม.-แบบเช่าสั้น 50,000 ตรม. ตอนนี้ได้ผู้เช่าสั้นแล้วราว30,000 ตรม. ส่วนการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT ตั้งเป้าว่าจะเป็นส่วนเฉพาะเข้ากอง WHART ที่ราว 1.8แสนตรม.ไม่มีขายจาก JV
โดยธุรกิจสาธารณูปโภคของ WHAUP มีโอกาสฟื้นตัว ปีนี้ตั้งเป้าน้ำอุตสาหกรรมเพิ่มเป็น 153 ล้านลบม. เพิ่มขึ้นจากปี63ที่114 ล้านลบม.ราว 34% ส่วนธุรกิจไฟฟ้ากำลังการผลิตรวมเพิ่มเป็น 670 MW เพิ่มขึ้นจากปี63 ที่590 MW ราว 14%สำหรับธุรกิจน้ำที่เวียดนาม หรือโครงการ SWDP ที่ปื63 ให้ผลขาดทุนเข้ามาที่ -151 ล้านบาท แต่คาดว่าปีนี้จะขาดทุนน้อยลงไปมาก เพราะมีการใช้กำลังการผลิตปัจจุบันที่ราว 75% จากจุดคุ้มทุนที่ 80% คาดว่าจากอุปสรรคเรื่องภัยแล้ง และการระบาดของโรคโควิด-19 จะคลี่คลายดีขึ้นในปี 64 นี้
ธุรกิจนิคมฯปีนี้ตั้งเป้าขายไว้ที่ 1,030 ไร่ แบ่งเป็นไทย 725 ไร่ และเวียดนามที่ 305 ไร่ จากปี 63 ที่ทำได้ 510 ไร่แบ่งเป็นไทย 218 ไร่ และเวียดนามที่ 298 ไร่ ด้านเป้าหมายการโอนกรรมสิทธิ์จะอยู่ที่ราว 900-1,000 ไร่ แบ่งเป็นไทย 700 ไร่ และเวียดนาม 300 ไร่ ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 63 บริษัทมียอดขายรอโอนเหลืออยู่ 358 ไร่ แบ่งเป็น ไทย 286 ไร่ และเวียดนาม 72 ไร่ คิดเป็นการรับประกันกับเป้าโอนที่ 41% และ 21% ตามลำดับ ถือว่าอยู่ในเกณฑดีพอควร สถานการณ์ก็ขึ้นอยู่กับการ เปิดให้ต่างชาติจะเข้าไทยได้เร็วเพียงใด
ธุรกิจเช่าโลจิสติกส์ตั้งเป้าพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้น ตามกระแสความนิยมใน อี-คอมเมิร์ซ เป็นส่วนของการให้เช่าพื้นที่ปกติคือ BTS และ RBF ที่175,000 ตรม. และแบบเช่าสั้น 50,000 ตรม. ทั้งนี้ในระยะหลังการเช่าสั้นกลับมาได้รับความนิยม โดยเฉพาะลูกค้าประเภท TPL (Third Party Logistic) อายุสัญญาตั้งแต่ 1 เดือน ถึง 9 เดือน ข้อดีคือ สามารถเก็บค่าเช่าในระดับที่สูงกว่าปกติได้ ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) มีลูกค้าที่สนใจเช่าสั้นแล้วราว 30,000 ตรม.การขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT ปีนี้จะแตกต่างจากปีที่แล้ว เป้าหมายอยู่ที่ราว 1.8 แสนตรม.จะเป็นส่วนเฉพาะขายเข้ากอง WHART ซึ่ง WHA เป็นเจ้าของเอง 100% ไม่มีในนามบริษัทร่วมทุน ซึ่งปี 63 ได้ขายเข้า 2 กอง REIT คือ WHART และ HREIT อีกทั้งยังมีในส่วนการขายสินทรัพย์ของในนามบริษัทร่วมทุน (JV) ได้ขายเข้ากอง WHARTและรับรู้กำรตาม ส่วนได้เสีย (Equity Income)จากการประเมินเบื้องต้นปีนี้กำไรที่ได้จากการนี้จะเติบโตเล็กน้อยจากปี 63 ที่มีกำไรราว 1.1 พันล้านบาท
สถานการณ์บริษัทร่วมโรงไฟฟ้าในปี 64 ในส่วน Gheco-One ในปี 63 ที่ผลกำไรลดลงไปมาก 35% เป็นเพียง 941ล้านบาท เนื่องจากค่าความพร้อมจ่าย (AP) ที่ลดลง ตามอายุโรงไฟฟ้า และอัตรากำไรจากถ่านหิน (Coal Margin) ที่ลดลงตามราคาถ่านหิน และมีปัญหาประสิทธิภาพ แต่คาดว่าภาพรวมจะดีขึ้น คือ Coal Margin สูงขึ้น จากการฟื้นตัวของราคาถ่านหิน และจะมีการปิดซ่อมบำรุงราว 37 วันในช่วง 1Q64 ซึ่งขณะนี้แล้วเสร็จ ก็จะทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้น อย่างไรก็ตามระยะสั้นการปิดซ่อมบำรุงอาจจะกระทบกำไร 1Q64 รวมทั้งโรงไฟฟ้า SPP ที่บริษัทเข้าไปร่วมทุน ก็มีการหยุดปิดซ่อมบำรุงไป 2 โรง จากทั้งหมด 8 โรง แต่ก็จะชดเชยกำไรกลับมาได้ในไตรมาสถัดๆมาของปี 64 เมื่อการซ่อมบำรุงแล้วเสร็จ
คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานเป็น 3.74 บาท ด้วยวิธี NAV ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 15% คาดว่าสถานะธุรกิจจะทยอยดีขึ้น เมื่อเริ่มมีการฉีดวัคซีน การแพร่ระบาดของโรคลดน้อยลง และไทยเปิดประเทศให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาทำการลงทุนโดยตรง (FDI) ได้มากยิ่งขึ้น สำหรับราคาพื้นฐานได้ใช้ส่วนลดเป็น 10% ของ NAV และที่ราคาพื้นฐานจะเทียบเท่าP/E และ P/BV ปี 64 ที่ระดับ 20.0 และ 1.9 เท่า ตามลำดับ และจะลดลงอีกในปี 65 เป็น 18.4 และ 1.8 เท่า ตามลำดับโดยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรสุทธิเทียบ y-o-y
www.mitihoon.com