ถึงรอบเก็บหุ้นปันผลใครให้ยิลด์แจ่มสุด?

8486

หากจะเอ่ยถึงกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้น คงไม่มีใครปฏิเสธที่จะหวังตักตวงกำไรจากราคาหุ้นในช่วงหุ้นเป็นขาขึ้น หรือที่เรียกว่า Bull Market แต่ในช่วงหุ้นขาลง หรือ Bear Market  การปรับกลยุทธ์เพื่อลงทุนในหุ้นที่จ่ายปันผล สม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงจากพอร์ตลงทุนก็เป็นอีกกลยุทธ์ที่น่าสนใจ

เปิดแนวลงทุน VI

และหากจะยกแนวคิดการลงทุนของนักลงทุนกลุ่ม VI  อย่าง จอห์น เนฟฟ์ (John Neff) ก็น่าสนใจทีเดียว คือ จะลงทุนในหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) สม่ำเสมอ นั่นแสดงให้เห็นว่า เป็นบริษัทที่เงินไม่ขาดมือ และมักจะอยู่ในหมวดธุรกิจที่ไม่หวือหวา แต่มีความสามารถในการแข่งขันสูง และอาจจะเป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันตามหลักปัจจัย4 ดังนั้นแม้จะเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจเช่น ยุคต้มยำกุ้ง, วิกฤตซับไพร์ม, วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ หรือแม้แต่วิกฤตหนี้เสียในยุโรป รวมถึงปัญหาการเมืองก็ตาม ธุรกิจเหล่านี้ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งนั่นยังสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารงาน และที่สำคัญยังสะท้อนถึงทีมงานบริหารที่เป็นมืออาชีพอีกด้วย และที่สำคัญยังสะท้อนว่าเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับผู้ถือหุ้นด้วย

เปิด 25 บจ.จ่ายปันผลสม่ำเสมอ

ซึ่งที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์เคยรวบรวม 25 หุ้น ที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอต่อเนื่อง 26 ปี(2535-2560) คือ ALUCON, AYUD, BJC, BKI, CM, CSR, FE, ICC, KWC, LTX, MFC, OHTL, PR, SNP, SPC, SST, SUC, TC, TF, TNL, TTTM, TVO, UPF, UPOIC, WACOAL

ควรลงทุนหุ้นปันผลช่วงไหนดี?

โดยทุกๆปีช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. จะเป็นช่วงเทศกาลจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียนทั้งแบบจ่ายทีเดียวเต็มปี และจ่าย 2ครั้งต่อปี แต่ก็มีบางบริษัทจ่ายปันผลทุกๆไตรมาสก็มี ดังนั้นนักลงทุนบางคนที่คิดหวังลงทุนระยะยาวเพื่อหวังรอปันผล ตามจริงแล้วก็ไม่จำเป็นจะต้องถือยาวจนครบปี ก็ได้ เพียงลงทุนก่อนที่บริษัทจะประกาศจ่ายปันผล 1-2 เดือน หรือก่อน ขึ้นเครื่องหมาย XD (Excluding Dividend คือ วันที่นักลงทุนที่ซื้อหุ้นของบริษัทดังกล่าวจะไม่มีสิทธิได้รับเงินปันผล)

กลุ่มอสังหาปันผลแรง

ส่วนปีนี้“มิติหุ้น”เลยขอรวบรวม บริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะจ่ายปันผลแรง โดยอ้างอิงจากบทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ที่ได้รวบรวมไว้ว่า อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) จากผลประกอบการในปี 63 กลุ่มที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงที่สุดครองแชมป์ คือกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) โดยให้ Dividend Yield อยู่ที่ 5.2% คือ 1. SENA คาด Dividend Yield อยู่ที่ 8.1% 2. QH 6.3% ,3. AP 5.9% และ 4.LH 5.6%

 

ส่วนกลุ่มที่ให้อัตราผลตอบแทนรองลงมาคือกลุ่มธนาคารพาณิชย์ นำโดย 1.คือ SCB คาด Dividend Yield 4.6%, 2.TISCO 4.1%และ 3. KTB 3.6% และอีกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ถือว่าจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องเช่นกันคือ กลุ่มสื่อสาร โดยเฉพาะ ADVANC Dividend Yield อยู่ที่ 3.6% ตามด้วยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คือ HANA Dividend Yield อยู่ที่ 3.2%  และกลุ่มโรงพยาบาล RJH Dividend Yield อยู่ที่ 4.2%  กลุ่มกระดาษ คือ UTP Dividend Yield อยู่ที่ 5.9% นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่จ่ายปันผลอีกเช่น SNC 5.9%, STI 5.3%, TSR 4.9%

MCS ปันผลปี64 ยิลด์ 8.89%

ส่วนผลการดำเนินงานปี 64  บริษัทที่คาดว่าจะจ่ายปันผลแรงๆ บล.เอเซีย พลัส ได้รวบรวมไว้ดังนี้ คือ 1.STGT คาด Dividend Yield ที่ 12.05% ,2 STA 11.65%, 3. MCS 8.89%, 4.DCC 8.00% ,5.ORI 6.35%, 7.LH 6.33%, 8.AP  6.13%,8.SCCC 5.97%,9.TU 5.56%,10.TTW 5.16% และ11.EASTW คาด Dividend Yield ที่ 5.00%

www.mitihoon.com