ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังการประชุมของกลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในช่วงวันที่ 4-5 มี.ค. 64 มีมติจะขยายเวลาการปรับลดการผลิตที่ระดับ 7.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนถึงเดือน เม.ย. 64 นอกจากนี้ ซาอุดีอาระเบียยังสมัครใจที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่อไปอีก 1 เดือน ไปสิ้นสุดเดือน เม.ย. 64 ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าโอเปกพลัสจะปรับเพิ่มกำลังการผลิตในเดือน เม.ย. 64 ที่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
+ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐฯ เดือน ก.พ. 64 ปรับเพิ่มขึ้น 379,000 ตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 210,000 ตำแหน่ง
– ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบบางรายในสหรัฐฯ เริ่มกลับมาดำเนินการผลิตอีกครั้ง โดยบริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 5 มี.ค. 64 ปรับเพิ่มขึ้น 1 แท่น มาอยู่ที่ระดับ 310 แท่น ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 63
ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังในสิงคโปร์ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 3 มี.ค. 64 ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์ หลังความต้องการนำเข้าน้ำมันเบนซินจากฟิลิปปินส์และเมียนมาร์ปรับลดลง
ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานในภูมิภาคปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจีนและอินเดียส่งออกน้ำมันดีเซลสู่ตลาดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังในสิงคโปร์ที่ปรับตัวลดลง
โดย หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์