ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ (ARPC) คาดการณ์ปี 2564 ความต้องการใช้ยางธรรมชาติของโลกจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 8-10% (เทียบกับปี 2020 ปรับตัวลดลง -15%) ขณะที่ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) มองว่าสถานการณ์ผลผลิตยางพาราโลกในปี 2564 ต่อเนื่องถึงปี 2565 จะไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ โดยเห็นสัญญาณมาตั้งแต่ปลายปี 2563 ที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยางธรรมชาติกลับมาดำเนินธุรกิจกันใหม่ และต่างเดินเครื่องกันเต็มกำลังการผลิต
ในส่วนของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) วางเป้าหมายการผลิตรถยนต์ของไทยปี 2564 ที่ 1.5 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 5.12% จาก 1.42 ล้านคันในปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการใช้ยางรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์เศรษฐกิจ (จีดีพี) โลกปีนี้จะขยายตัวที่ 5.49% จากที่ติดลบ 3.50% ในปีที่แล้ว และคาดว่าความต้องการใช้ถุงมือยางจะเติบโต 25% ในปี 2564 และ 20% ในปี 2565
จากปัจจัยทั้งหมดข้างต้น มีรายงานข่าวว่า ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทยคาดจะส่งผลให้ราคายางแผ่นดิบและยางแผ่นรมควันจะไม่ต่ำกว่า 60 บาทต่อกิโลกรัมนับจากนี้
NER-STA รับอานิสงส์เชิงบวก
ในมุมมองของฝ่ายวิจัย NER และ STA ได้รับผลบวกโดยตรงจากประเด็นดังกล่าว เนื่องจากแนวโน้มขาขึ้นของราคายางธรรมชาติและสามารถทรงตัวได้ในระดับสูง จะส่งผลดีต่อรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นของทั้งสองบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันราคายางแท่ง STR อิงตลาด SICOM ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 177 USD Cents/kg (+18% YTD) เรามองว่า NER จะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มราคายางมากกว่า STA
เนื่องจาก NER มีธุรกิจหลักเพียงธุรกิจเดียวการขายยางธรรมชาติ ทำให้ประเมินว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2021 ของ NER จะปรับตัวดีขึ้นเป็น 11.0% จาก 10.8% ของปีก่อนหน้า กอปรกับปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,433 ล้านบาท (+67% YoY)
ขณะที่ส่วนของ STA มีธุรกิจขายยางธรรมชาติและถุงมือยาง ซึ่งการเพิ่มขึ้นของราคายางจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตถุงมือยาง รวมถึงในปี 2022 แนวโน้มราคาถุงมือยางอยู่ในช่วงขาลง อย่างไรก็ตาม STA มี upside จากธุรกิจกัญชงมากกว่า NER โดย STA ได้ยื่นขออนุญาตปลูกกัญชงและเตรียมก่อสร้างโรงเรือนแล้ว ซึ่งคาดว่าปี 2021 จะปลูกได้ 100-200 ไร่ จำนวน 1 crop
โดยฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ ซื้อ NER ที่ราคาเป้าหมาย 7.00 บาท และ STA ที่ราคาเป้าหมาย 65.00 บาท