ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เอส พี วี ไอ หรือ SPVI โดย บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า กระแสการปรับตัวเข้าสูยุคดิจิตอล หนุนให้มีเปลี่ยนเครื่องมือสื่อสารจาก 4G เป็น 5G อย่างชัดเจนทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะหลังจาก iPhone ใหม่เปิดตัวช่วงปลายปี 2563 แม้จะเปิดตัวมาแล้วราว 1 ไตรมาส แต่ยังคงเห็นยอดขายเติบโตในระดับสูงต่อเนื่อง อาทิ จำนวนลูกค้า 5G ของ ADVANC ที่เดือน ม.ค. ขยับเพิ่มอีกเกือบ 2.0 แสนราย (จากเฉลี่ยเดือนละ 1.2 แสนราย) ขณะที่ข้อมูลยอดขายผู้ผลิตชิ้นส่วนให้ Apple ในไต้หวัน เดือน ม.ค. 64 เติบโตมากถึงราว 37%yoy รวมถึงยอดขายมือถือจากต่างประเทศในประเทศจีน ซึ่งแทบทั้งหมดเป็น iPhone งวด ม.ค.-ก.พ. 64 ที่คาดเพิ่มขึ้นถึงราว 190%yoy โดยเชื่อว่าผู้จำหน่ายเครื่องมือถือไทยที่จะได้รับประโยชน์ชัดเจนเช่นกัน และมีแนวโน้มยาวนานอีก 1-2 ปี รวมสินค้า iPad ที่ปัจจุบันกลายมาเป็นสินค้าจำเป็น เฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และวัยทำงานในประเทศไทย
หากพิจารณาสัดส่วนยอดขายสินค้า Apple ของผู้ประกอบการในกลุ่ม พบว่า SPVI (สูงสุด), CPW, COM7 และ JMART มีสัดส่วนยอดขายราว 90%, 70%, 50% และ 20% ตามลำดับ หนุนให้ยอดขาย SPVI ในช่วง ม.ค.-ก.พ. 64 เติบโตมากถึง 50%yoy (มาจากยอดขายสาขาเดิมราว 30%) ซึ่งคาดหวังโตต่อเนื่องในงวด 2Q64 ที่ปีก่อนได้รับผลกระทบการปิดสาขา และงวด 3Q64 ที่ช่วงเดียวกันปีก่อน SPVI กระทบจากการขาดแคลนสินค้าสำหรับจำหน่าย จึงปรับเพิ่มสมมติฐานเป็น 20% กอปรกับแรงขับเคลื่อนอีกส่วนจากแผนเปิดสาขาใหม่ปีนี้ที่ 10 สาขา สูงกว่าสมมติฐานที่ 6 สาขา จากแรงผลักดันการเปิดสาขาพันธมิตร AIS ที่ต้องการเจาะตลาดในมหาวิทยาลัยซึ่ง SPVI เชี่ยวชาญ จึงปรับเพิ่มกำไรปี 2564-65 ขึ้น 23.4% และ 22.4% ได้กำไรปี 2564 เติบโต 50.9% และเพิ่มอีก 20.1% ในปี 2565 ขณะเดียวกันเพื่อสะท้อนภาพเติบโตก้าวกระโดดดังกล่าว
ฝ่ายวิจัยจึงทบทวนปรับเพิ่ม growth ที่ใช้ประเมินมูลค่าหุ้นเป็น 2.5% จากเดิม 1% ได้มูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 6.92 บาท (เทียบเท่า P/E 25 เท่า) ยังมี Upside เปิดกว้าง โดยปัจจุบัน SPVI ยังถือหุ้นที่ Undervalue อย่างมาก สะท้อนจาก PER’64 ที่ต่ำ 17.2 เท่า ขณะที่ผู้ประกอบธุรกิจคล้ายกัน COM7 มี P/E สูง 41.8 เท่า JMART 31 เท่า ส่วน CPW สูงถึง 25.3 เท่า ยืนยัน ซื้อ
www.mitihoon.com