มิติหุ้น – 3 กูรูประสานเสียง แนะนำซื้อหุ้น SFLEX ให้ราคาเป้าหมาย 7.75 บาท/หุ้น ประเมินกำไรปี 64 เพิ่มขึ้น 42-62%จากปีก่อน เนื่องจากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์พุ่ง ดันออเดอร์ในมือล้น ทั้งจากลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ ประกอบกับกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าใหม่กลุ่ม Food เป็นตลาดขนาดใหญ่ และอัตรากำไรดี มองดีล M&A เกิดอย่างน้อยสองดีลในปีนี้ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีก ขณะที่ฐานะการเงินแกร่ง หนี้ต่อทุนต่ำ 0.08 เท่า สนับสนุนอนาคตโดดเด่น
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX และให้ราคาเป้าหมายที่ 7.50-7.75 บาท เนื่องจากประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 207 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 42.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปี 2565 อยู่ที่ 264 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยประมาณการดังกล่าวไม่รวมการเติบโต Inorganic Growth หากมีโอกาส M&A ที่เหมาะสมทั้งในและต่างประเทศ โดยดีลต่างประเทศอาจต้องรอหลังพ้นช่วงโควิดจึงจะมีความคืบหน้า ทั้งนี้บริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ปัจจุบันอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.08 เท่า อีกทั้งยังมี BOI อีกราว 300 ล้านบาท ที่สามารถทยอยใช้ 5 ปี
จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” เพื่อลงทุนระยะยาว ราคา Fair Value ในกรอบ 7.50-7.75 บาทต่อหุ้น (อ้างอิงวิธี PER 30 เท่า และวิธี DCF) ณ ราคาปัจจุบันคิดเป็นระดับ Forward P/E ราว 22.6 เท่า ระดับ PEG ratio 0.5 ยังต่ำกว่า 1 ยัง Undervalued
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้ราคาเป้าหมายที่ 7.75 บาท โดยประมาณการกำไรปี 2564 อยู่ที่ 204 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 62.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังคงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการที่คาดจะเห็นการเติบโตของผลประกอบการได้ต่อเนื่อง จากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ารายเดิมที่สั่งออเดอร์เพิ่มต่อเนื่อง และลูกค้ารายใหม่ที่ได้มีการเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว และจะมีการรับรู้รายได้เต็มปีในปีนี้ เช่น ซองเข็มฉีดยา (NIPRO), ถุงบรรจุข้าวสาร (CPF) เป็นต้น ประกอบกับการพัฒนาสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ มากขึ้นซึ่ง จะมี GPM ที่สูงกว่าเดิมเพิ่มเติม
รายงานระบุว่า นอกจากนี้ คาดว่าจะได้เห็นดีล M&A อย่างน้อย 2 ดีลในปีนี้ โดยเป็นดีลกับบริษัทกลุ่มสินค้าบริโภครายใหญ่ในประเทศ และอีกดีลเป็นดีลกับพันธมิตรในเวียดนามเปิดทางสร้างรายได้ในต่างประเทศ คาดจะได้เห็นอย่างเร็วในไตรมาส 2/2564 นี้
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุประมาณการกำไรปี 2564 อยู่ที่ 185.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปี 2565 อยู่ที่ 218.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเติบโตยังคงมาจากการขยายฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่ม Food อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลาด Food มีขนาดใหญ่กว่ากลุ่ม Non-Food อย่างมากและมีอัตรากำไรที่ดี รวมถึงการรุกตลาดผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอุปกรณ์หรือวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้ในการแพทย์ที่บริษัทมีศักยภาพทำได้ เช่น ซองบรรจุยา ซองพลาสติกบรรจุไซริงค์ เป็นต้น ควบคู่กับการใช้อัตรากำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและควบคุมรายจ่าย จึงแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 6.70 บาท (DCF WACC 6.4%, TG 3%) ราคาหุ้นปัจจุบันมี PE 25.9 เท่า คิดเป็น
www.mitihoon.com