ลีฟคลีน เทคโนโลยี สตาร์ทอัพไทยจับมือบริษัทเกาหลีพัฒนาแผ่นฆ่าเชื้อ ซีทัช (Z-Touch)

487

มิติหุ้น – สตาร์ทอัพไทยเจ๋ง ลีฟคลีน เทคโนโลยี จับมือบริษัทเกาหลีพัฒนาผลิตภัณฑ์แผ่นฆ่าเชื้อแบบแห้ง ซีทัช (Z-Touch)  นวัตกรรมแผ่นป้องกันและกำจัดเชื้อไวรัสโควิด-19 ติดตั้งบริเวณจุดสัมผัสร่วม เพื่อลดการส่งต่อของเชื้อโคโรนาไวรัส หรือ เชื้อโควิด-19 โดยแผ่น ซีทัช มีผลการทดสอบจาก ALG LAB Group ประเทศสหรัฐอเมริกายืนยันประสิทธิภาพฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้มากถึง 99.99% โดยใช้หลักการฆ่าเชื้อด้วยระบบสมาร์ทนาโนไอออน (มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อได้เร็วกว่าแผ่นทองแดงถึง 240 เท่า) นอกจากนั้นผลิตภัณฑ์แผ่นฆ่าเชื้อ ซีทัช ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสถาบันชั้นนำของโลก อาทิ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ประเทศสหรัฐอเมริกา, CE-Mark ประเทศยุโรป, SIAA ประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งมีผลการทดลองในไทย โดยภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ล่าสุดหลายหน่วยงานและองค์กรชั้นนำได้มีการติดตั้งแผ่น ซีทัช ตามจุดสัมผัสร่วมซึ่งเป็นมาตรการป้องกันเชิงรุก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19  โดยผลิตภัณฑ์ ซีทัช พร้อมวางจำหน่ายตามร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศเพื่อช่วยคนไทยป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 จากจุดสัมผัสร่วมและเตรียมรุกตลาดต่างประเทศ  โดยบริษัทวางเป้ารายได้ปีแรกไว้ที่300 ล้านบาท

นายวิษณุ จินตนาศิริกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลีฟคลีน เทคโนโลยี จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จในการร่วมพัฒนา ซีทัช  นวัตกรรมแผ่นป้องกันและกำจัดเชื้อไวรัสโควิด-19 บริเวณจุดสัมผัสร่วม ว่าเกิดขึ้นจากการที่ ลีฟคลีน เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่มีความชำนาญด้านการผลิตนวัตกรรมเกี่ยวกับการฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย อาทิ เครื่องฆ่าเชื้อ ยูวีซี (ZEUS-UVC) และกล่องขนส่งอาหารปลอดเชื้อ (Zetailte Delivery Box) โดยมีการส่งออกไปยังหลายประเทศ หนึ่งในนั้นคือประเทศเกาหลีใต้ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ด้าน นวัตกรรม เทคโนโลยี และร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซีทัช    ขึ้นโดยมีจุดเด่นและคุณสมบัติที่สามารถป้องกันและฆ่าเชื้อได้ทั้งเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา รวมถึงเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้สูงถึง 99.99% (ประสิทธิภาพฆ่าเชื้อได้เร็วกว่าแผ่นทองแดงถึง 240 เท่า)

สำหรับหลักการทำงานของแผ่นซีทัชนั้นเมื่อมีเชื้อโรคตกลงบนแผ่น ซีทัช เชื้อโรคจะถูกดูดลงสู่ชั้นล่างทันทีด้วยเทคโนโลยี ไมโครพอรัสเลเยอร์ (Micro-Porous Layer) (ซึ่งได้จดสิทธิบัตรนวัตกรรมเป็นเจ้าแรกของโลก) ซึ่งทำหน้าที่เสมือนหลุมดำ ทำให้พื้นผิวของแผ่นซีทัชสะอาดตลอดเวลา หลังจากนั้นส่วนประกอบของ สมาร์ทนาโนไอออน จะทำปฏิกิริยากับ แอคทีฟอ๊อกซิเจน (Active Oxygen) เข้าไปทำลายผนังเซลล์และโปรตีนของเชื้อโรคจากด้านใน ทำให้เชื้อโรคสูญเสียอาหารและน้ำ โครงสร้างของเชื้อโรคจะถูกทำลายโดยสมบูรณ์ในระดับอาร์เอ็นเอ (RNA) และดีเอ็นเอ (DNA)

จากคุณสมบัติและนวัตกรรมอันเป็นจุดเด่นดังกล่าว ทำให้หลายองค์กรและบริษัทชั้นนำเลือกให้ ซีทัช เป็นหนึ่งในมาตรการป้องกันเชื้อโควิด-19 เชิงรุก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อาทิ ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ห้างสรรพสินค้าฟู้ดแลนด์ โรงแรมดีวารี ทรูช๊อป ศูนย์ศิลปากรที่ 4 ลพบุรี ฯลฯ พร้อมทั้งยังเตรียมที่จะติดตั้งในโรงพยาบาลอีกหลายแห่ง โดยแผ่น ซีทัช   จะถูกนำไปติดตั้งบริเวณที่มีการสัมผัสร่วมกันบ่อยครั้ง อาทิ ที่ผลักประตู ที่จับประตู ปุ่มกดลิฟท์  โต๊ะห้องประชุม ที่จับรถเข็น ฯลฯ ล่าสุดทางบริษัทฯ ได้รับการติดต่อจากหลายองค์กรและบริษัทชั้นนำในหลายประเทศ เพื่อขอเป็นตัวแทนจำหน่ายและนำผลิตภัณฑ์ ซีทัช   เพื่อนำไปติดตั้งในอาคารรวมถึงสำนักงานหลายแห่ง   โดยขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาและทำสัญญาซื้อขายในลำดับต่อไป

ส่วนแผนการตลาดและการจัดจำหน่ายในประเทศไทยนั้น บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ บริษัท มาซูม่า จำกัด (ประเทศไทย)  ในการเป็นพันธ์มิตรและเป็นตัวแทนจำหน่ายภายในประเทศอย่างเป็นทางการ ซึ่งบริษัทฯ มีความตั้งใจในการผลิตและจัดจำหน่ายในประเทศไทยก่อน เพื่อเป็นการช่วยเหลือในการยับยั้งและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในประเทศ โดยเริ่มวางจำหน่ายตามร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศแล้ว สำหรับผลิตภัณฑ์ ซีทัช  ที่วางจำหน่ายจะประกอบด้วย 4 แบบด้วยกัน คือ แผ่นฆ่าเชื้อสำหรับติดมือถือ  แผ่นฆ่าเชื้อสำหรับติดประตู แผ่นฆ่าเชื้อสำหรับติดเคาน์เตอร์ และแผ่นฆ่าเชื้อแบบอเนกประสงค์ สำหรับตัดใช้ตามจุดสัมผัสร่วมทั้งหมด ซึ่งบริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้ทั้งในและต่างประเทศในปีแรกไว้ที่ 300 ล้านบาท สามารถขยายตัวและเติบโตต่อเนื่องได้อย่างน้อยปีละประมาณ 30-50% โดยคาดหวังว่าผลิตภัณฑ์ ซีทัช   นวัตกรรมแผ่นป้องกันและกำจัดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะเป็นหนึ่งในเครื่องมือป้องกัน สร้างความปลอดภัย และลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้แก่ผู้ใช้งานในทุกประเทศทั่วโลกได้ และยังมีส่วนในการสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยอีกด้วย

www.mitihoon.com