มิติหุ้น-บทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)ประเมินทิศทางการลงทุนสัปดาห์นี้(22-26 มี.ค.64)และยังมี ปัจจัยบวกลด ปัจจัยลบอะไีที่ยังต้องติดตามบ้างดังนี้
* การประชุม กนง. ครั้งที่ 2: ทางฝ่ายจิวัยคาดการประชุม กนง. ในวันที่ 24 มี.ค. น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ไว้ตามเดิมที่ 0.50% เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ในประเทศสามารถควบคุมได้เป็นอย่างดี และความเสียหายทางเศรษฐกิจไม่เท่ากับรอบแรกที่ต้องใช้มาตรการ Lockdown ทั้งประเทศ แต่ต้องจับตา มุมมองเศรษฐกิจไทยที่ทางฝ่ายวิจัยคาดว่า ธปท. มีโอกาสปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP ไทยปี 64 ลงต่ำ กว่า 3% เนื่องจากยังมีความเสี่ยงการระบาดระลอกใหม่ การกระจายวัคซีนที่ล่าช้า รวมถึงประสิทธิภาพของวัคซีน และการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้อาจมีแนวโน้มต่ำกว่าคาดแม้จะมีมาตรการ Vaccine Passport แล้วก็ตาม
* มาตรการภาครัฐ: ติดตามการประชุม ครม. วันที่ 23 มี.ค. ที่คาดว่าจะอนุมัติมาตรการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3″หลัง ครม. ไม่อนุมัติในการประชุมครั้งก่อนหน้า และน่าจะอนุมัติมาตรการผ่อนคลายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตามที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ให้จัดเทศกาลสงกรานต์ตามประเพณี แต่งดสาดน้ำ ปะแป้ง และจัดคอนเสิร์ต อีกทั้ง ลดเวลากักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยจาก 14 วันเหลือ 10 วัน พร้อมต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไป ถึงเดือน พ.ค. 64 และสัปดาห์นี้เริ่มต้นจ่ายเงิน “ม.33 เรารักกัน” คาดจะทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
* ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามต่อเนื่อง: 1) ถ้อยแถลงต่อสภาผู้แทนราษฎรของประธาน Fed และ รมว.คลัง สหรัฐต่อการดำเนินมาตรการทางการเงินและการคลังหลังมาตรการ 1.9 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐของไบเดนเริ่ม บังคับใช้ และ Fed ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม 2) การระบาดระลอกที่ 3 ในทวีปยุโรปหลังองค์การยายโรป ยืนยันวัคซีนของ AstraZeneca ปลอดภัยใช้งานต่อไปได้ 3) การเมืองภายในติดตามการชุมนุมสุดสัปดาห์ของกลุ่ม REDEM ที่ท้องสนามหลวงและสัปดาห์หน้าติดตามการพิจารณาต่อในร่าง พ.ร.บ.ประชามติของรัฐสภา
ฝ่ายวิจัยจึงคาด SET Index แกว่งตัวออกข้างในกรอบระหว่าง 1,540-1,585 จุด แม้มีปัจจัยลบหลายอย่างรุมเร้าแต่ไม่ รุนแรง ขณะที่ความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยัง ประคองภาพการลงทุน กลยุทธ์การลงทุนมองการย่อตัว เป็นจังหวะสะสมหุ้นพื้นฐานดีเพื่อเก็งกำไรรอบใหม่
SET50 Futures Strategy
* Trading ขึ้นขายลงซื้อ S50M21 ในกรอบ 940-970 จุด ตัดขาดทุนหากหลุดกรอบ
STRATEGIST PICKS คือ STGT, WICE
-STGT ได้ประโยชน์จากการระบาดระลอกที่ 3 ของ COVID-19 ในหลายประเทศ” เงินปันผลน่าสนใจ 2.00 บาท (XD 12 เม.ย. 64) มี Div. Yield ประมาณ 5%
-WICE คาดได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจโลกฟื้น ตัว โดยเฉพาะสหรัฐที่คาดว่า GDP ในปีนี้ จะโตกว่า 6.5%
www.mitihoon.com
