ORI เร่งเครื่องลุยธุรกิจAMC จัดตั้งบริษัทหวังดันเข้าตลท. (25/03/64)

470

มิติหุ้น – ORI ชักธงรบ สู้ศึกธุรกิจบริหารสินทรัพย์ หรือ AMC เร่งเครื่องสร้างการเติบโตเต็มสูบ วางเกมตั้งบริษัทพร้อมผลักดันเข้าตลาดหลักทรัพย์ กูรูย้ำโอกาสเติบโตสูง จากการได้ผู้บริหารมือดีมาช่วยเพิ่มโอกาสการแข่งขัน มั่นใจเติบโตเร็วสุด ส่วนธุรกิจใหม่ยังเสริมแกร่ง เชียร์ “ซื้อ” เป้าหมาย 10 บาท ชี้ราคายัง underperform ตลาด

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI ดำเนินธุรกิจหลักในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนในบริษัทอื่น เดินหน้าขยายธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดแหล่งข่าววงการการเงิน ระบุว่า ORI ซุ่มเดินหน้าธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) มาระยะหนึ่ง และขณะนี้เตรียมการเปิดตัวบริษัทบริหารสินทรัพย์อย่างเป็นทางการ ซึ่ง ORI หมายมั่นปั้นมือจะผลักดันให้ธุรกิจนี้เติบโตขึ้น และวางแผนจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

ธุรกิจใหม่ตัวช่วยหนุนผลงาน

พร้อมกันนี้ ORI ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจเพื่อขยายฐานสร้างการเติบโตไม่หยุดยั้ง โดย บล.เคทีบีเอสที (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การเติบโตของ ORI ในปีนี้ มีปัจจัยหนุนจากธุรกิจใหม่ที่จะช่วยสร้างเติบโตระยะยาว ส่วนธุรกิจ AMC มีโอกาสโตเร็วสุด

โดยฝ่ายวิจัยได้จัด group conference call กับ ORI โดยยังคงมีมุมมองเป็นบวกเช่นเดิมต่อทั้ง 3 ธุรกิจใหม่ แต่มีความชัดเจนมากขึ้น ดังนี้ ธุรกิจ Healthcare แนวโน้มจะขาดทุนในช่วงปีแรกๆ แต่จะเป็นบวกในระยะยาว จากจำนวนผู้ใช้บริการที่ทยอยเพิ่มขึ้น ซึ่งศูนย์สุขภาพทั้ง 2 แห่ง มีจุดเด่นจากทำเลใกล้คอนโดของ ORI ที่มีกำลังซื้ออยู่แล้ว และเน้นราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง จากความได้เปรียบด้านการก่อสร้าง

AMCได้มือดีมาช่วยเติบโตเร็วสุด

ส่วนธุรกิจ AMC มีโอกาสทำกำไรได้เร็ว โดยมีจุดแข็งจากการที่ได้ผู้บริหารมาจาก BAM และ SAM ซึ่งมีประสบการณ์สูง โดยประมาณการรายได้จะมาจากการเจรจาประนอมหนี้ 80% และการนำทรัพย์มา renovate เพื่อขาย 20%

ด้านธุรกิจโลจิสติกส์ ยังคงคืบหน้าตามแผนเดิม โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส2/65 และมีแผนขายเข้ากอง REIT รับรู้กำไรได้ทันที

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรปี 2564 ของ ORI ไว้ที่ 3.2 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยยังไม่รวมธุรกิจใหม่ ซึ่งฝ่ายวิจัยชอบธุรกิจ AMC มากสุด จากความสามารถในการทำกำไรได้เร็วและมีโอกาสเติบโตสูง จากการมีฐานข้อมูลลูกค้าและความเชี่ยวชาญในกลุ่มอสังหาฯ, ธุรกิจโลจิสติกส์ แนวโน้มเติบโตมั่นคงในระยะยาวแต่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและกว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ใช้เวลานาน ในขณะที่ธุรกิจ Healthcare มีแนวโน้มขาดทุนในช่วงแรกเพราะต้องใช้ระยะเวลาในการเพิ่มฐานลูกค้า

กำไรแรง-ราคายัง underperform

ในส่วนของราคาหุ้นยัง underperform SET -1% ในช่วง 3 เดือน จากกำไรไตรมาส 4/63 ที่ลดลงจากผลกระทบ COVID-19 แต่ outperform SET +8% ในช่วง 1 เดือน โดยฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 10.00 บาท จากกำไรปี 2564 ที่จะกลับมาเติบโตโดดเด่น โดยเฉพาะไตรมาส 1/64 จะดีขึ้นมากทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ความคืบหน้าของธุรกิจใหม่ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีรายได้ประจำและมีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต และมีการเทรดที่ PER สูงกว่าธุรกิจอสังหาฯ จะช่วยหนุนให้มีโอกาสปรับเพิ่ม valuation ได้อีก

www.mitihoon.com