- ยอดขายเพิ่มขึ้น 5.3% เป็น 13.9 พันล้านยูโร ( เติบโต 5% คิดตามสกุลเงินท้องถิ่น)
- มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในทุกภูมิภาคและกลุ่มผลิตภัณฑ์
- การมุ่งเน้นกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน บีเอสเอชบรรลุข้อตกลงในการลดการผลิตคาร์บอน Co2 ในทุกพื้นที่ของสำนักงานของบีเอสเอชทั่วโลก
- ยังขยายตัวต่อเนื่องในตำแหน่งผู้นำของบีเอสเอชในฐานะผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารองรับการสั่งการแบบไร้สาย
ในปี 2020, BSH Hausgerate GmbH (BSH) ได้ประกาศถึงผลประกอบการประจำปี 2020 ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบกว่า 50 ปี ด้วยการเป็นผู้นำในการผลิตอุปกรณ์ครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของยุโรป มียอดขาย 13.6 พันล้านยูโร โดยเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้น 5.3 % เมื่อเปรียบเทียบกับในปีก่อนหน้า และสำหรับสกุลเงินท้องถิ่น บีเอสเอชมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 8.5% โดยเป็นผลมาจากความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มีคุณภาพที่สูงขึ้น และชื่อเสียงของแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่แข็งแกร่ง, นวัตกรรมดิจิทัล และบริการลูกค้าอันยอดเยี่ยม
ดร. คาร์ล่า ครีเว็ต ประธานกรรมการของคณะกรรมการบริหารของบีเอสเอช กล่าวว่า “ในปี 2020 เป็น
ปีที่ถือเป็นประวัติการณ์ของบีเอสเอช อันเป็นผลมาจากเป้าหมายที่ชัดเจนของพวกเราทั่วโลก เราประสบความสำเร็จในการรับมือกับความท้าทายของการแพร่กระจายของเชื้อโรคในระดับโลก ขณะที่อุตสาหกรรมของเรามีการเติบโตคิดเป็นมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเวลาที่ผู้บริโภคต้องใช้ชีวิตที่บ้านและในครัวมากขึ้น และจากชื่อเสียงของ
แบรนด์ของเราที่แข็งแกร่ง ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมและดิจิทัลโซลูชั่น ช่วยให้เราสร้างความพึงพอใจทั้งด้านความต้องการและการคาดหวังของลูกค้าเป็นอย่างมาก”
การเติบโตในทุกภูมิภาค
ในช่วงปี 2020 ทุกๆ ภูมิภาคมีความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจแม้ในช่วงที่ตลาดไม่มีการเติบโต ในช่วงเริ่มต้นของการระบาด และมียอดขายโดยรวมที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
บีเอสเอช เติบโต 4.8 % ในภูมิภาคยุโรป (+ 8.6 % คิดตามสกุลเงินท้องถิ่น) โดยมีรายรับที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในเยอรมนี, สหราชอาณาจักรและยุโรปเหนือ โดย บีเอสเอช ยังคงเป็นเบอร์หนึ่งในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านในตลาดยุโรป และด้วย Home Connect, หน่วยงานหนึ่งที่เป็นผู้นำด้าน Digital Ecosystem
ทั้งนี้ ในตลาดอเมริกาที่มีความเข้มแข็ง บีเอสเอชยังคงมีส่วนแบ่งการตลาดที่สูงขึ้น โดยมีมูลค่าการซื้อขายสูงกว่า 7.7% ในภูมิภาค โดยภูมิภาคอเมริกาเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อช่วงปีที่แล้ว (+10.3 % คิดตามสกุลเงินท้องถิ่น) โดยผู้บริโภคมีความต้องการที่สูงในกลุ่มผลิตภัณฑ์ตู้เย็นและเครื่องล้างจาน
ในส่วนของธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และแอฟริกา มีการเติบโต 5.3 % สูงกว่าในปีที่ผ่านมา (+ 7.7%.คิดตามสกุลเงินท้องถิ่น ) สำหรับผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลเห็นได้ชัดในประเทศจีนโดยเฉพาะในเดือนกุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เห็นชัดขึ้น ด้วยการเติบโตที่เริ่มสูงขึ้นในเดือนพฤษภาคม ซึ่งมากกว่าค่ารวมของรายรับที่ลดลงในช่วงสามเดือนก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะในตลาดจีน
บีเอสเอชมีอัตราการเติบโตที่สูงในกลุ่มเครื่องล้างจาน (+ 34% ของผลประกอบการ) และ เครื่องอบผ้า (+ 59% ของผลประกอบการ )
บีเอสเอชถือเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช่แบรนด์จากประเทศจีน ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในประเทศจีน และยังสามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้ โดยบีเอสเอชยังคงเติบโตในตลาดอินเดียและแอฟริกา และยังวางแผนขยายธุรกิจให้ยั่งยืนในตลาดของประเทศกำลังพัฒนา
เติบโตในทุกกลุ่มสินค้าและด้านบริการของลูกค้า
บีเอสเอช เติบโตอย่างมากในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ทั้งกลุ่มประกอบอาหาร, ตู้เย็น และเครื่องล้างจาน ซึ่งมียอดการเติบโตที่เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 6% (+8 ถึง10% เมื่อคิดตามสกุลเงินท้องถิ่น) ในส่วนมูลค่ายอดขายในกลุ่มเครื่องซักผ้าสูงกว่าปีก่อนเล็กน้อย สำหรับกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เช่น เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ เครื่องเตรียมอาหาร และเครื่องดูดฝุ่น มีมูลค่ายอดขายสินค้าเป็นไปในเชิงบวกและเพิ่มขึ้นกว่า 9% ( +12% เมื่อคิดตามสกุลเงินท้องถิ่น)
ส่วนงานบริการลูกค้ายังเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 8% ( + 11% เมื่อคิดตามสกุลเงินท้องถิ่น) ซึ่งมีพนักงานบริการลูกค้าประมาณ 15,000 คน และยังมีพันธมิตรของบีเอสเอช ที่ช่วยดูแลความต้องการของผู้บริโภคในอีกกว่า 50 ประเทศในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
ตัวเลขพนักงานเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย
ในช่วงสิ้นปี 2020 บีเอสเอช มีพนักงานราว 60,000 ราย ทั่วโลก โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 3% โดยส่วนที่เพิ่มขึ้นมาจาก การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในการผลิตที่มีความต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้น
ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาที่ยังคงเดิม
บีเอสเอช ยังคงเดินหน้าโครงการลงทุนตามแผนที่วางไว้ในปี 2020 อย่างต่อเนื่อง เช่น โรงงงานผลิตเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าในเมืองซูโจว ประเทศจีน
โดยเป้าหมายหลักยังคงมุ่งเน้นในเรื่องของการวิจัยและพัฒนาเพื่อรองรับนวัตกรรมที่เน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง ,เทคโนโลยีที่ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ สามารถเชื่อมโยงและรับส่งข้อมูลระหว่างกันได้อย่างง่ายดายและสามารถสั่งการเพื่อควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ผ่านทางระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Internet of Things ) หรือ IoT รวมทั้งเรื่องของการเปลี่ยนผ่านสู่ Digitalzation ในการเพิ่มมูลค่าของห่วงโซ่ในระบบทั้งหมด ซึ่งการลงทุนทั้งหมดนี้ในปี 2020 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 708 ล้านยูโรและเป็นตัวเลขที่อยู่ในระดับเดียวกับปีก่อนหน้า ส่งผลให้มียอดขายรวมเติบโตขึ้นกว่า 5.1% ของรายได้จากการขายทั้งหมด
บีเอสเอช เติบโตในช่องทางขายออนไลน์ และสร้างความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำด้านดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
ธุรกิจออนไลน์ของ บีเอสเอชในปีนี้ เติบโตขึ้น 25 % ในช่วงปีที่ผ่านมา ขณะที่ผู้บริโภคหันมาใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อรับคำแนะนำและเลือกอุปกรณ์ที่ดีที่สุดเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายจากที่บ้าน
ในปี 2020 การเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศแบบ Home connect digital Ecosystem จะช่วยสนับสนุนการขยายตำแหน่งของ BSH ในฐานะผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำภายในบ้านตลอดจนการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในอนาคตอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคสามารถเข้าดูภายในของตู้เย็นผ่านแอปพลิเคชั่น Home Connect ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน, เครื่องล้างจานระบบดิจิทัลที่ปรับเวลาการทำงาน และพลังงานในการล้างให้เหมาะสมตามความต้องการของผู้ใช้, เครื่องซักผ้าที่สามารถลดการใช้น้ำและพลังงานให้น้อยที่สุด โดยวัดจากน้ำหนักของผ้าในระหว่างซัก
บีเอสเอช เสริมความแข็งแกร่ง มุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน
บีเอสเอส ได้บรรลุความสำเร็จครั้งสำคัญในการก้าวไปสู่ความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ในช่วงปลายปี 2020 คือ สถานที่ผลิต การพัฒนาและการบริหารจัดการของบีเอสเอชทั่วโลก จะมุ่งสู่ทางเป็นกลางทางคาร์บอน (CO2-neutral) ซึ่งในเบื้องต้นได้บรรลุเป้าหมายด้านมาตรการประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารและโรงงานโดยการขยายการใช้พลังงานทดแทนและการซื้อไฟฟ้าสีเขียว นอกจากนี้บีเอสเอส ยังปรับสมดุลการปล่อย Co2 ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยการสนับสนุนโครงการปกป้องสภาพภูมิอากาศ โดยภายในปี 2030 บีเอสเอชจะเพิ่มสัดส่วนของการขับเคลื่อนพลังงานสีเขียวที่ผลิตขึ้นเอง 5 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 10 GWh
“ความยั่งยืนเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับบีเอสเอช” ดร.คาร์ล่า ครูเว็ต กล่าวด้วยว่า “นอกจากเรื่องของการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการใช้มาตรการเศรษฐกิจหมุนเวียนที่สำคัญในการดำเนินกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของ
บีเอสเอชแล้ว ยังมีเรื่องของวัตถุดิบ, บรรจุภัณฑ์ และความสามารถในการนำชิ้นส่วนของเรากลับมาใช้ใหม่ โดยมุ่งเน้นการออกแบบที่ยั่งยืนที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการพัฒนาไปพร้อมเพรียงกัน ทั้งนี้เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจหมุนเวียน และเป็นการประยุกต์ใช้กลยุทธ์ธุรกิจสู่ความยั่งยืน
นอกจากนี้ ด้วยความร่วมมือกับสหประชาชาติโครงการอาหารโลก ( UN World food Program ) บีเอสเอชได้สนับสนุนความเชี่ยวชาญด้านการปรุงอาหารเพื่อสุขภาพและการทำงานร่วมกันเพื่อให้ทั่วโลกปราศจากผู้หิวโหย ซึ่งเป็นพันธมิตรระหว่างบีเอสเอชและและโครงการริเริ่ม Joblinge ที่ยังช่วยให้คนรุ่นใหม่ที่ประสบความยากลำบากในการทำงาน สามารถเข้าถึงการฝึกงานและตำแหน่งงาน
แนวโน้มในปี 2021
ดร. คาร์ล่า ครีเว็ต กล่าวว่า “สืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัส เราคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน อย่างไรก็ตามความใกล้ชิดกับผู้บริโภคของบีเอสเอชจึงมีความพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายด้วย Home Connect ซึ่งเราไม่เพียงจะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดทรัพยากร จึงมั่นใจว่าเราจะสามารถสานต่อแนวโน้มเชิงบวกของปีที่ผ่านมาในปี 2021 ต่อไป
ผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบีเอสเอชและข่าวประชาสัมพันธ์ มีอยู่ในห้อง BSH Newsroom ในเว็บไซต์ BSH Newsroom ในเว็บไซต์ BSH Stories Corporate Blog และข่าวสารอื่นๆ เกี่ยวกับบีเอสเอชในปัจจุบัน
เกี่ยวกับ บีเอสเอช
BSH Hausgerate GmbH มีผลประกอบการทั้งหมด 13.9 พันล้านยูโร และพนักงาน 60,000 คนในปี 2563 เป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน แบรนด์ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ประกอบด้วยแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่รู้จักกันดี 11 แบรนด์ เช่น Bosch, Siemens, Gaggenau และ Neff รวมถึงแบรนด์ระบบนิเวศ Home Connect และแบรนด์ด้านบริการ เช่น Kitchen Stories BSH ซึ่งผลิตจากโรงงาน 38 แห่งและมีตัวแทนจำหน่ายใน 50 ประเทศ BSH เป็น บริษัท ในเครือ Bosch Group
www.mitihoon.com