ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA ว่า EA เป็นผู้ประกอบการพลังงานทางเลือกและธุรกิจแบตเตอรี่ครบวงจรรายแรกของไทย โดยมีทั้งธุรกิจไบโอดีเซล, กลีเซอรรีน, โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์, โรงไฟฟ้าพลังงานลม) และเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม-อิออน รวมถึงธุรกิจปลายน้ำ เช่น โรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้า รถบัสไฟฟ้า, ระบบเก็บกักไฟฟ้า, สถานีบริการชาร์ตแบตเตอรี่ยานยนต์ โดยมีพันธมิตรธุรกิจคือ AMITA, NEX ปัจจุบันถือได้ว่า EA เป็นผู้ประกอบการแบตเตอรี่ครบวงจรที่สุดในประเทศไทย
คาดการณ์กำไรสุทธิปี 63-68 เติบโตเฉลี่ย +14% ต่อปี ปัจจัยหนุน คือ 1) ค่า Ft ไฟฟ้าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น จากราคาน้ำมันปรับขึ้นในปี 64F, 2) อุปสงค์น้ำมัน B100 ที่แข็งแกร่ง หลังจากที่รัฐบาลปรับให้มีน้ำมันดีเซล B100 จากเดิมที่มี B7 และ B10 และ 3) รายได้จากธุรกิจแบตเตอรี่เฟสที่ 1 เข้ามา โดยมีกำลังการผลิต 1Gwh โดยจะ COD ใน 2Q64F และเริ่มขายให้กับรถบัสไฟฟ้าใน 3Q64F
เริ่มต้นวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 72 บาท (DCF, WACC 7.75%, TG 3%) ทั้งนี้คาดว่าการเติบโตของกำไรสุทธิในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะแข็งแกร่งราว +14% ต่อปี, รายได้จากธุรกิจแบตเตอรี่ช่วยหนุนตั้งแต่ 2Q64F เป็นต้นไป และมีโอกาสสูที่ EA จะชนะการประมูลรถบัสไฟฟ้าจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ รวมทั้งอุปสงค์แบตเตอรี่และรถยนต์ EV มีแนวโน้มเติบโตสูงในระยะยาว ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตแบตเตอรี่เฟสที่สองอีก 49 Gwh และมีสายการผลิตรถยนต์ EV ในอนาคต
วิเคราะห์ความอ่อนไหวของราคาพื้นฐาน ปัจจุบันฝ่ายวิจัยฯ DBS ได้ประเมินราคาพื้นฐาน EA ในกรณีหลักไว้ที่ 72 บาท โดยมีสมมติฐานว่าบริษัทมีโครงการพลังงานหมุนเวียน 664MW, มียอดขายไบโอดีเซล 8 แสนลิตรต่อวัน, มีโรงงานประกอบรถบัสไฟฟ้า, มีสถานีชาร์ตแบตเตอรี่ และมีโรงงานแบตเตอรี่ขนาด 50Gwh
