มิติหุ้น – นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซิก้า อินโนเวชั่น (ZIGA) เปิดเผยว่าที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564 มีมติอนุมัติการจัดสรรเงินกำไรจากผลประกอบการปี 2563 จำนวน 117,706,970 บาท เพื่อจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.161 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 80,048,137.40 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่ 5 มีนาคม 2564 (Record Date)และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 19 เมษายน 2564
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติอนุมัติที่จะไม่จำหน่ายหุ้นซื้อคืน จำนวน 22,806,600 หุ้น คิดเป็น 4.39%ของหุ้นที่ชำระแล้ว แต่ใช้วิธีลดทุน โดยที่ประชุมได้อนุมัติการลดทุนจดทะเบียน จำนวน 11,403,300 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 260,000,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ จำนวน 248,596,700 บาท
จากนั้นอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียน เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ซึ่งจะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม โดยให้เพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวน 121,303,300 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมภายหลังจากการลดทุนจำนวน 248,596,700 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ จำนวน 369,900,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 242,606,600 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
โดยที่ประชุมได้อนุมัติให้ออก และเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (ZIGA-W1) จำนวนไม่เกิน 242,533,366 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมโดยไม่คิดมูลค่า ในอัตราส่วน 2.05 หุ้นสามัญเดิมต่อใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ จำนวน 1หน่วย และมีอัตราการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญ โดยมีราคาใช้สิทธิ 1.00 บาทต่อหุ้น (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท) และมีระยะเวลาการใช้สิทธิไม่เกิน 2 ปี ซึ่งกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา
“สำหรับวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม และเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน เพื่อให้มีความยืดหยุ่นทางการเงินในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ในอนาคต เพื่อสำรองเงินไว้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เมื่อมีการใช้สิทธิวอร์แรนท์ดังกล่าว”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2564 จะเป็นปีแห่งการเติบโต เนื่องจากบริษัทฯได้มีการพัฒนาต่อยอดธุรกิจเหล็ก โดยเดินหน้ารุกขยายธุรกิจค้าปลีกมากขึ้น โดยเน้นการขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ และตลาดออนไลน์ รองรับความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะให้บริการเต็มรูปแบบในระบบออนไลน์ ภายในไตรมาส2ของปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทฯได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจใหม่ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากธุรกิจเหล็กโดยร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรในการพัฒนา และก่อสร้างโรงเรือนในลักษณะSmart Farm โดยมีระบบ AI เข้ามาช่วยควบคุมให้กับกลุ่มเครือข่ายเพาะปลูกกัญชง ซึ่งจะใช้ความเชี่ยวชาญของ ZIGA รวมถึงวัตถุดิบหลักอย่างเหล็กกัลวาไนซ์ ซึ่งถือเป็นเหล็กที่เหมาะกับการสร้างเป็นโรงเรือนให้กับพืชเศรษฐกิจชนิดนี้ สามารถสร้างโรงเรือนได้อย่างรวดเร็ว และมีความคุ้มค่าในระยะยาว ซึ่งคาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะช่วยเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ ตลอดจนสนับสนุนผลงานในปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ตามเป้าหมายที่วางไว้
www.mitihoon.com