ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) รายงานในบทวิเคราะห์ บมจ.โซนิค อินเตอร์เฟรท หรือ SONIC ว่า ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากการคาดการณ์กำไรไตรมาส 1/64 ของ SONIC จะยังคงสดใส ทำสถิติใหม่ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 โดยคาดกำไรสุทธิที่ 36 ล้านบาท เติบโต +28.0% จากเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และ +172.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ได้ประโยชน์จากขนาด และ volume ส่งออกที่หนาแน่น
โดยทิศทางดังกล่าวนี้ สอดคล้องกับมุมมองเชิงบวกของ ธปท. ล่าสุดต่อภาคการส่งออกไทย โดยหากกำไรออกมาได้ตามคาดนี้จะทำให้ประมาณการกำไรปี 2564 ของฝ่ายวิจัยจะต่ำไป 20-30% ซึ่งจะเปิดโอกาสในการปรับประมาณการกำไร และราคาเหมาะสมขึ้นอีกครั้ง จากคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2563 ที่ 93 ล้านบาท +54.7% YoY และ ราคาเหมาะสมก่อนปรับประมาณการที่ 3.15 บาทต่อหุ้น
คาดกำไรสุทธิจะทำสถิติใหม่อีกครั้ง +172.4% YoY
ฝ่ายวิจัยคาดว่า SONIC จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 1/64 ที่ 36 ล้านบาท เติบโต +28.0% QoQ จากไตรมาส 4/63 และ +172.4% YoY ทำสถิติใหม่ต่อเนื่อง 2 ไตรมาสติดกัน สัญญาณที่ได้รับคือยอดรายได้จะยังขยายตัวได้ต่อระดับ +10% QoQ จากไตรมาส 4/63 ซึ่งเป็น High season ของบริษัท ส่วนไตรมาส 1/64 แม้จะเป็น Low season ของทุกปี แต่ทว่าปีนี้ประเทศไทยกลับได้อานิสงค์จากการฟื้นตัวของประเทศคู่ค้าที่เริ่มคุมการแพร่ระบาด COVID-19 ได้ดีขึ้น
ผนวกกับค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ที่ยังอยู่ในระดับสูงจากการขาดแคลนตู้ รวมๆ แล้วจึทำให้ทิศทางรายได้ยังคงสดใส สอดรับกับ ธปท. รายงานตัวเลขส่งออกเดือน ก.พ. (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัว +7% YoY และยังปรับเป้าส่งออกปี 2564 เพิ่มจาก +5.7% เป็น +10.0% YoY อีกด้วย ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ฝ่ายวิจัยคาดจะทรงตัวที่ 18.7% จากไตรมาสก่อน เพราะต้องช่วยเหลือดูแลลูกค้าผู้ส่งออกในภาวะค่าระวางแพง แต่อย่างไรก็ดี SONIC ได้ประโยชน์จาก Volume ที่เพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ และ การได้ประโยชน์จากขนาดเข้ามาชดเชย (Economies of scale) โดยคาดอัตรากำไรสุทธิ (NPM) จะทำได้สูง 7.2% เป็นสถิติใหม่ของบริษัทเช่นกัน
ประมาณการกำไรก่อนหน้า อาจต่ำไป (อีกแล้ว) ราวๆ 20-30%
หาก SONIC ทำได้ดีตามคาด จะทำให้กำไรไตรมาส 1/64 นั้นจะคิดเป็น 38.9% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี ที่ประเมินไว้ที่ 93 ล้านบาท +54.7% YoY และมีโอกาสสูงในการปรับประมาณการขึ้นอีก เนื่องจากสถานการณ์ส่งออกของไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดีอีกทั้งการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง 4.6% YTD ยิ่งทำให้เกิดจูงใจต่อการผลิตเพื่อส่งออก และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการส่งออกอีกด้วย ซึ่งล้วนดีต่อธุรกิจของ SONIC
