MEGA ปันผลยังน่าพอใจ เมียนมาร์กระทบกำไรน้อย

1413

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ หรือ MEGA ว่า ความไม่สงบที่เมียนมาร์ยังคงดำเนินต่อไป และมีการยกระดับความรุนแรงมากขึ้น ขณะที่นักลงทุนเฝ้าติดตามว่าจะกระทบกับธุรกิจของ MEGA ซึ่งมีฐานใหญ่อยู่ที่เมียนมาร์ เพราะสัดส่วนรายได้มากสุดของต่างประเทศเป็นสัดส่วนถึง 73%

จากการวิเคราะห์พบว่ามีผลกระทบต่อรายได้ แต่ในแง่ผลกระทบต่อกำไรแล้วกลับน้อยกว่าที่กังวล นั่นคือ ปัจจุบันรายได้จากเมียนมาร์ในส่วนแบรนด์เป็น 10-15% จากรายได้ที่เป็นแบรนด์ทั้งหมด แต่รายได้จากเมียนมาร์ในส่วน Distribution เป็น 75% จากรายได้ที่เป็น Distribution ทั้งหมด สุทธิแล้วรายได้จากเมียนมาร์เป็นสัดส่วนราว 40-44% จากรายได้ทั้งหมด อย่างไรก็ดี ในแง่กำไรที่เป็นเงินสด (EBITDA) ในส่วนของแบรนด์เป็น 23-24% แต่ในส่วนของ Distribution นั้น เป็น 7-8% สรุปได้ว่าผลกระทบกำไร EBITDA จากเมียนมาร์น้อยลงเป็น 25-26%

ขณะที่บริษัทตั้งเป้ารายได้ระยะยาวไว้สูงมากคือ ปี 68-69 รายได้จะเป็นเท่าตัวจากปี 62 สืบเนื่องจากจุดเด่นด้านความยืดหยุ่น และอุปสงค์ที่สูงตามกระแสโลก เช่น สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) เป็นต้น มีความต้องการในสินค้าเวชภัณฑ์ประเภท Nutraceutical คือ ไว้ใช้ทั้งในการป้องกันและเสริมภูมิคุ้มกัน จึงคาดว่าบริษัทจะได้ประโยชน์จากโอกาสนี้สูง

ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงคงคำแนะนำ ซื้อ แต่ราคาพื้นฐานใหม่ปรับลงเป็น 45.00 บาท จากเดิมที่ 47.00 บาท เป็นเพราะได้มีการปรับ Terminal Growth ลงเป็น 2.5% จาก 3.0% สะท้อนความเสี่ยงจากธุรกิจที่เมียนมาร์ จากการประเมินมูลค่าหุ้นด้วยวิธี DCF โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปีนี้และปี 65 อยู่ในเกณฑ์ดีเป็น 4.8% และ 9.8% ตามลำดับ และคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปีนี้ยังน่าพอใจเป็น 2.8% รวมทั้งฐานะการเงินดี มีเงินสดมากกว่าหนี้เงินกู้ หรือเป็นเงินสดสุทธิ (Net Cash Position)