มิติหุ้น – EKH ผลงานฟื้นตัวชัดเจน รายได้ทะยานขึ้นต่อเนื่อง บริษัทลูก EKI ลดขาดทุนได้เพียบ กูรูฟันธงรายได้ตรวจโควิดตัวหนุนหลัก พลิกผลประกอบการก้าวพ้นจุดต่ำสุดแล้ว จับตากำไรปีนี้พุ่งแรง 117% เชียร์ “ซื้อ” เป้านหมาย 7.20 บ.
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ บมจ.เอกชัยการแพทย์ หรือ EKH โดยคาดว่ารายได้ในช่วงไตรมาส 1/64 จะฟื้นตัว double digit แม้จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่รายได้ยังเติบโตดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้จากบริการตรวจโควิดที่เพิ่มขึ้นชดเชยกลุ่มลูกค้าเงินสดที่ลดลง บวกกับจำนวนผู้เข้าใช้บริการกักตัวหรือ Alternative Hospital Quarantine เพิ่มต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนที่ 95 รายเป็น 136 ราย
ขณะที่รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากศูนย์กุมารเวช โดยอัตราการครองเตียงเพิ่มขึ้นจาก 1Q63 ที่ราว 44% เป็นมากกว่า 50% ในไตรมาส1/64 ส่วนจำนวน Visit ศูนย์พัฒนาการเด็ก เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 500 เคสในไตรมาส 1/64 นอกจากนี้ประสิทธิภาพในการทำกำไรคาดดีขึ้นจากผลของรายได้ที่เพิ่มขึ้น และบริษัทลูก EKI ขาดทุนลดลงจากปีก่อนที่เดือนละ 2 ล้านบาท เหลือเดือนละ 4- 5 แสน จากนโยบายในการควบคุมต้นทุนและบริษัทมีการเจาะกลุ่มลูกค้า IVF มากขึ้น ชดเชยได้บางส่วนจากลูกค้าจีนที่หายไป
ปี2564 คาดฟื้นตัวโดดเด่น
ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรปี 2564 ที่ 156 ล้านบาท +117% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในปีนี้ จากรายได้ที่คาดฟื้นตัว 30% จากช่วงเดียวกันปีก่อนเป็น 843 ล้านบาท จากฐานที่ต่ำ ฝ่ายวิจัยยังคาดว่าผู้ป่วยจีนจะเริ่มกลับมารักษาในช่วงครึ่งปีหลังปี64 หลัง COVID-19 เริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้ธุรกิจของ IVF ที่ดำเนินงานโดยบริษัทลูก EKI จะเริ่มพลิกกลับมามีกำไร 3) บริษัทมีการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีตั้งแต่ช่วง COVID-19 ระบาดในปีก่อน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลบวกต่อเนื่องในปีนี้
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยมองว่าผลประกอบการผ่านจุดแย่สุดไปแล้ว และจะฟื้นตัวเด่นในปี 2564 หลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย ด้านสถานะทางการเงินของ EKH ค่อนข้างแข็งแกร่ง ไม่มีภาระหนี้สิน จึงแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสมที่ 7.20 บาท ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E เพียง 22x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 29x
พร้อมจัดวัคซีนให้บริการ
ขณะที่ นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร กรรมการและผู้อำนวยการโรงพยาบาล EKH เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ดำเนินการสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 จากองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เพื่อนำไปให้บริการหรือเป็นทางเลือกให้กับประชาชน ในกรณีที่ไม่ต้องการรอวัคซีนของรัฐบาลแต่ต้องการฉีดและพร้อมจะจ่ายเงินเอง โดยคาดว่าดำเนินการให้บริการได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้
ส่วนแนวโน้มธุรกิจในปีนี้ประเมินว่ายังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ป่วยใน (IPD) ผู้ป่วยนอก (OPD) ยังคงเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการให้บริการรักษาโรคเฉพาะทางมากขึ้น โดยที่ผ่านมาได้ขยายศูนย์กุมารเวช, ศูนย์ หู ตา คอ จมูก ศูนย์ทันตกรรม และในปี 64 จะมีการขยายศูนย์กายภาพบำบัด ศูนย์ไตเทียม จึงทำขีดความสามารถในการรองรับการเข้ามาใช้บริการของคนไข้ได้เพิ่มมากขึ้น
www.mitihoon.com