PTG รุกตลาดแข่งขันไม่สูง คือกลยุทธ์หนุนกำไร

701

มิติหุ้น- บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี(PTG) ประกอบธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยบทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า จากผลการดำเนินงานปี 2563 ที่ผ่านมายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างสถิติการทำกำไรสุทธิสูงสุดได้เป็นประวัติการณ์เพิ่มขึ้น 22%  และในปี 2564 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน 8%-12% และปริมาณการขายแก๊ส LPG อีก 15-20% จากการเพิ่มสถานีน้ำมันและแก๊ส LPG อีกมากกว่า 100 สาขา และ “ขยายไปยังธุรกิจแก๊ส LPG ครัวเรือน บริษัทตั้งเป้ารายได้จากส่วน LPG ครัวเรือนจากปัจจุบันที่ 20% เป็น 40%-50% ของรายได้การขายแก๊ส LPG ซึ่งเป็นการเติบโตที่สูงและมีอัตรากำไรที่ยืดหยุ่นได้มากกว่าการจำหน่ายน้ำมันมาก” โดยให้การขายครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดย PTG ได้เริ่มขยายสาขาการให้บริการจำหน่าย LPG สาหรับครัวเรือนในสถานีบริการน้ำมัน PT

ระบบสมาชิก 15 ล้านรายเป็นฐานรายได้สำคัญในอนาคต

ปัจจุบันบริษัทมีจำนวนสมาชิก PT Max Card ทั้งหมดสูงถึง 15 ล้านคนเป็นระดับที่สูงมาก ซึ่งจะเป็นฐานลูกค้าที่สามารถสร้างรายได้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการขายร่วมกับอาหารและเครื่องดื่ม หรือการสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อเข้าสู่ธุรกิจออนไลน์ ซึ่งฐานสมาชิกในระดับนี้ถือว่าเป็นระดับที่สูงมากและสามารถนำไปเป็นฐานข้อมูลเพื่อเชื่อมโยงในธุรกิจอื่นๆได้มาก

จับมือกฟผ.ให้บริการสถานีชาร์ตรถEV

บริษัทได้ร่วมมือกับ กฟผ. ในการให้บริการสถานีไฟฟ้าชาร์ตรถ EV ที่ชื่อว่า EleX by EGAT เปิดให้บริการจำนวน 5 สถานี ซึ่งเป็นการลงทุนโดย กฟผ. และทาง PTG เป็นผู้ให้พื้นที่ ซึ่งทางบริษัทจะได้ประโยชน์จากการขายอาหารและเครื่องดื่มในสถานีเพิ่มด้วย โดยการชาร์ตจะเป็นแบบ DC Fast Charge ที่สามารถจ่ายไฟได้ถึง 120 kW ใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที บริษัทมีการเตรียมการต่อการเข้ามาของรถไฟฟ้าหากมีการขยายสถานนีเพิ่มอีกก็พร้อมที่จะลงทุนเพิ่มจากการเตรียมความพร้อมไว้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าหากการมาเร็วของรถ EV จะสามารถชดเชยกับฐานรายได้หลักในปัจจุบันได้ทันหรือไม่

ขณะที่บริษัท Trailing P/E และ P/B ของบริษัทอยู่ที่ 17.99 เท่าและ 4.32 เท่าตามลำดับ ส่วนหนี้สินของบริษัทที่เพิ่มขึ้นสูงจากปีที่แล้วหลักๆเป็นผลจากมาตรฐานบัญชีฉบับใหม่ TFRS16 การออกหุ้นกู้ใหม่ในปีที่ผ่านมามีมูลค่า 2 พันล้านบาท และอัตราหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 3.71 เท่า(จะทยอยลดลงหลังนำบริษัทลูกเข้าตลาด)อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นกว่าปีก่อนจาก 8.25% เป็น 10.15% ในปีที่ผ่านมาและอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 1.83% จาก 1.3% ในปีก่อน จาก IAA Consensus แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 64 เฉลี่ยที่ 24.16 บาท/หุ้น

www.mitihoon.com