ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น”รายงานว่า บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ โดย “นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ภาพธุรกิจปี 64 บริษัทเตรียมปรับเพิ่มเป้าปริมาณขายและรายได้ จากเดิมตั้งเป้ารายได้ไว้เพียง 2.2 หมื่นล้านบาท และปริมาณขาย 4.1 แสนตัน เนื่องจากบริษัทได้ลูกค้ารายใหม่ 2 ราย คือ ลูกค้าสิงคโปร์และอินเดีย รวมถึงจะเดินหน้าเจรจาลูกค้ารายใหม่ๆอย่างต่อเนื่องด้วย
ส่วนแนวโน้มผลงานไตรมาส 1/64 จะเติบโตดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้ เพราะปลายปี 63 มีปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้ปริมาณลูกค้าโอนมาในไตรมาส 1/64 รวมถึงบริษัทจะได้รับอานิสงส์ “ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า” เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จากการขายสินค้าได้ในราคาที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อยอดการขายสินค้าล่วงหน้าของบริษัทที่จะเติบโตในไตรมาสที่ 2/64
ความต้องการล้นทะลัก
ประกอบกับประเมินภาพรวมความต้องการใช้ยางพาราและราคายางยังเป็นขาขึ้นอีก 3 ปีข้างหน้า ตามความต้องการยางยังเพิ่มสูงขึ้น ทั้งถุงมือยาง อุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้น ขณะที่ซัพพลายเท่าเดิม ปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อยาวถึงก.ย.64 แล้ว จากการที่บริษัทมีการขยายกำลังการผลิตจากเดิมที่ 290,000 ตัน/ปี เป็น 465,600 ตัน/ปี และในปลายปี 64 จะขยายกำลังการผลิตสินค้ายางแท่ง (STR) ในโรงงานแห่งที่ 2 อีก 50,000 ตันต่อปี ซึ่งจะส่งผลให้กำลังการผลิตรวมของเป็น 515,600 ตัน/ปี ดังนั้นบริษัทจึงได้มีการเสนอขายหุ้นกู้ 1,300 ล้านบาท อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.85 ต่อปี เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจ
ล่าสุดที่ประชุมยังมีมติอนุมัติการจัดสรรกำไรสุทธิประจำปี 63 ไว้เป็นทุนสำรองตามกฎหมาย และจ่ายปันผลเป็นเงินสดจากกำไรสะสม ในอัตราหุ้นละ 0.21 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 339.08 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 63 ในอัตราหุ้นละ 0.06 บาทต่อหุ้น เป็นเงิน 96.88 ล้านบาท ซึ่งได้จ่ายไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ม.ค.64 คงเหลือเป็นเงินปันผลที่จะจ่ายในครั้งนี้อีกในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท คิดเป็นเงินจำนวน 242.20 ล้านบาท โดยบริษัทจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 23 เม.ย.64 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 พ.ค.64
ฟันกำไรนิวไฮ1.43พันล.
ด้าน “บล.เคทีบี (ประเทศไทย)” เปิดเผยว่า ปี 64 ปรับประมาณการกำไรสุทธิขึ้น 24% เป็นนิวไฮ 1,433 ล้านบาท เติบโต และปรับปี65 ขึ้น 13% เป็น 1,715 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อน จาก 1.GPM ที่ดีขึ้นจากราคายางมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง 2. ปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิตตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/63 เป็น 460,000 ตัน/ปี โดยสิ้นปี 64 บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 50,000 ตัน/ปี ดังนั้นฝ่ายวิจัยแนะนำ “ซื้อ” จากแนวโน้มกำไรที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นทำ “New High” ทุกปี ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เป้าหมาย 7 บาท
www.mitihoon.com