บลจ. ยูโอบี ร่วมกับธนาคารยูโอบี เปิดตัว กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ซัสเทนเนเบิล เครดิต อินคัม ฟันด์ (USI) กองทุนตราสารหนี้โลก ที่เน้นแนวคิดการลงทุนอย่างยั่งยืนเพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า

181

มิติหุ้น-บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) ตอบรับเทรนด์การสร้างความยั่งยืน ผ่านการลงทุนในธีมแนวคิด ESG ตามกลยุทธ์ของกลุ่ม บลจ. ยูโอบี ที่เน้นการพัฒนาธุรกิจ องค์กร และกระบวนการลงทุนอย่างยั่งยืน นำเสนอกองทุนเปิด ยูไนเต็ด ซัสเทนเนเบิล เครดิต อินคัม ฟันด์ (USI) กองทุนตราสารหนี้โลก กองทุนแรกของประเทศไทย ที่คัดสรรตราสารหนี้คุณภาพทุกประเภททั่วโลก โดยพิจารณาผู้ออกตราสารหนี้จากปัจจัยเชิงบวกที่ส่งผลสนับสนุนต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN SDGs) เพื่อตอบโจทย์แนวคิดด้านการลงทุนอย่างยั่งยืนเพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า (Sustainable investing for a better tomorrow) กองทุนเสนอขายครั้งแรก 19-27 เมษายน 2564 นี้

การลงทุนที่ยั่งยืน (Sustainable Investing) เป็นรูปแบบการลงทุนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เป็นแนวคิดการลงทุน ที่รวมประเด็นสำคัญ ประการ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) (ESG) เข้ากับกระบวนการลงทุน ซึ่งแนวคิดการลงทุนตามธีม ESG นั้นเป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตและเป็นที่นิยมอย่างมากในทศวรรษนี้ โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่นสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย

 

                น.ส. รัชดา ตั้งหะรัฐ กล่าวว่า “กลุ่ม บลจ. ยูโอบี ทั่วภูมิภาคให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะการมีธรรมาภิบาลมาโดยตลอด ถือเป็นวิสัยทัศน์หลักในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มธุรกิจ UOB โดยได้พัฒนาแนวคิด Sustainability นำมาปรับใช้ในองค์กรในทุกมิติ ทั้งในด้านความยั่งยืนในแง่องค์กรและการลงทุน โดยเป็นการลงทุนที่ประเมินปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) หรือที่เรียกกันว่า ESG โดยการใช้ข้อมูล ESG มาผนวกในการวิเคราะห์ (ESG Integration) เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน ซึ่งเราเชื่อว่าจะช่วยเสริมกระบวนการลงทุน ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด”

“ล่าสุดเมื่อปีที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจ UOB ได้เข้าร่วมลงนามกับ UNPRI (Principles for Responsible Investment) ซึ่งเป็นสถาบันการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบชั้นนำของโลก ดำเนินการเสริม ESG เข้าสู่กระบวนการลงทุนตามแนวทางของ UNPRI และเพื่อเพิ่มความเข้มข้นให้กับการลงทุนตามหลัก ESG ถือเป็นการแสดงความมุ่งมั่นของกลุ่ม บลจ. ยูโอบี ที่จะนำเสนอทางเลือกของกลยุทธ์การลงทุน (Investment Solution) ที่มีความรับผิดชอบสำหรับนักลงทุนทั่วภูมิภาคเอเชีย โดยมั่นใจว่าการนำหลัก ESG มาเสริมนั้น จะเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจแก่ผู้ลงทุนได้ในระยะยาว และเราเชื่อว่าการลงทุนที่ยั่งยืนเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับปัญหาทางสิ่งแวดล้อมและสังคมที่โลกกำลังเผชิญอยู่”

 

               นางสาวรัชดา กล่าวทิ้งท้ายว่า จากมุมมองของการจัดสรรสินทรัพย์เพื่อการลงทุน บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) มองว่าการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลกสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจและยั่งยืนได้ในทุกสภาวะการลงทุน โดยได้จับมือกับพันธมิตร ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่เน้นด้าน ESG ระดับโลก Robeco Institutional Asset Management B.V. จัดตั้งกองทุนตราสารหนี้โลกกองทุนแรกของไทย ที่ลงทุนในธีมแนวคิด ESG กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ซัสเทนเนเบิล เครดิต อินคัม ฟันด์ (USI) เพื่อนักลงทุนไทยได้มีโอกาสในการลงทุนที่ยั่งยืนเพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า

 

                ในปัจจุบันนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเริ่มหันมาให้ความสนใจกับการลงทุนอย่างยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งการพิจารณาการลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัทที่มุ่งเน้นปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) หรือที่เรียกกันว่า ESG โดยการใช้ข้อมูล ESG มาผนวกในการวิเคราะห์ (ESG Integration) เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน  โดยทางสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำต่างๆได้มีการนำปัจจัยด้าน ESG มาเป็นหนึ่งในการประเมินอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารหนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดความตื่นตัวต่อการดำเนินธุรกิจตามกรอบ ESG ของบริษัทผู้ออกตราสารหนี้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ในปัจจุบันมีนักลงทุนที่เข้าร่วมลงนามเพื่อดำเนินธุรกิจและลงทุนภายใต้แนวทางของ UN PRI มากกว่า 3,000 ราย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นถึง 120% ภายในช่วงระยะเวลาเพียง 5ปี และนักลงทุนเหล่านี้มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารถึง 103 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (ข้อมูลจาก www.unpri.org) ซึ่งจะทำให้เกิดมูลค่าเงินลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับ ESG ในด้านต่างๆตามมา

แม้ว่าการลงทุนในกองทุน ESG อาจเป็นสิ่งที่ยังไม่ได้รับความสนใจมากนักในประเทศไทย อย่างไรก็ตามการลงทุนอย่างยั่งยืนนี้อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนได้ อีกทั้งการลงทุน ESG นั้นเป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตมากขึ้นโดยเฉพาะในต่างประเทศ เรามองว่าเป็นจังหวะที่ดีที่นักลงทุนไทยควรเริ่มหันมาศึกษาการลงทุน

นักลงทุนที่สนใจลงทุนกองทุนเปิด ยูไนเต็ด ซัสเทนเนเบิล เครดิต อินคัม ฟันด์ (USI) สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมและหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด ฝ่ายงานบริการนักลงทุน โทร. 0-2786-2222 หรือ thuobamwealthservice@uobgroup.com และธนาคาร ยูโอบี ทุกสาขา หรือสามารถทำรายการซื้อกองทุนผ่านบริการ ‘Premier Online ที่ ‘UOBAM Invest’ mobile application ซึ่งเป็นช่องทางที่อำนวยความสะดวกในการทำรายการได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย.

 

คำเตือน

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะกองทุน นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุนนี้ลงทุนในต่างประเทศ จึงมีความเสี่ยงที่ทางการของต่างประเทศอาจออกมาตรการในภาวะที่เกิดวิกฤตการณ์ที่ไม่ปกติ ทำให้กองทุนไม่สามารถนำเงินกลับเข้ามาในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับคืนเงินตามระยะเวลาที่กำหนด กองทุนนี้มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนในต่างประเทศ โดยกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต กองทุนรวมนี้กระจุกตัวในประเทศสหรัฐฯ ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย

 

หมายเหตุ

กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ซัสเทนเนเบิล เครดิต อินคัม ฟันด์ (USI)

กองทุนความเสี่ยงระดับ 5 ป้องกันความเสี่ยงไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ

กองทุนจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ RobecoSAM SDG Credit Income IH USD (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งและบริหารจัดการโดย Robeco Institutional Asset Management B.V. โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน กองทุนหลักมีวัตถุประสงค์การลงทุนเพื่อเน้นรักษาระดับรายได้อย่างสม่ำเสมอโดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความหลากหลายในกลุ่มอุตสาหกรรม และดําเนินกลยุทธท์เพิ่มประสิทธิภาพของรายได้

ผลตอบแทนของกองทุนมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลงหรือปัจจัยพื้นฐานด้านเครดิตที่ปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นของอุตสาหกรรมหรือผู้ออกหลักทรัพย์ อีกทั้งกองทุนหลักจะลงทุนอย่างน้อย 2 ใน 3 ของสินทรัพยทั้งหมด โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความหลากหลายในกลุ่มอุตสาหกรรรม ซึ่งจะมีอายุของตราสารที่แตกต่างกัน (ซึ่งจะเป็นตราสารหนี้ที่มีระยะเวลาครบกําหนดที่แตกต่างกัน) โดยจะเป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐ และ/หรือ ภาคเอกชน และกองทุนหลักจะพิจารณาลงทุนในบริษัทที่ผู้ออกหลักทรัพย์มีส่วนร่วมในหลักการ UN Sustainable Development Goals (SDGs) (เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่จัดทําขึ้นโดยองค์การ สหประชาชาติ)

www.mitihoon.com