มิติหุ้น-BBL ส่งซิกไตรมาส 1/64 คว้ากำไรสุทธิ 5.55 พันล้านบาท เหตุค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ลดลง-มีกำไรจากเงินลงทุน แถมการเน้นลูกค้ารายใหญ่-ตปท.ทำให้ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากCOVID-19 ส่วนทั้งปี 64 ตั้งเป้าสินเชื่อโต 3-4% แย้มบุ๊กกำไร Permata เต็มปี หนุนกำไรสุทธิปี 64 สูงแตะ 3.3 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 93.6% จากปีก่อน ชี้ป้า 160 บาท
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL โดย “นายธนภัทร ฉัตรเสถียร” นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้” เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานไตรมาส 1/64 คาดกำไรสุทธิที่ 5.55 พันล้านบาท เติบโต 132% จากไตรมาสก่อน แต่ยังลดลง 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ลดลงราว 21% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากในไตรมาสก่อน ธนาคารมีการตั้งสำรองส่วนเกินไว้
ชี้ค่าใช้จ่ายลดลง
ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิคาดอ่อนตัวลงเล็กน้อยราว 1% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากสินเชื่อและ NIM อาจอ่อนตัวลงเล็กน้อย , รายได้ค่าธรรมเนียมอ่อนตัวลงตามฤดูกาล อย่างไรก็ตามภาวะตลาดทุนที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้มีกำไรจากเงินลงทุนมาช่วยหนุน,ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงตามฤดูกาลส่งผลให้ Cost-to-income ratio ลดลงมาอยู่ที่ 59% จากราว 66% ในไตรมาสก่อน และคาดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากลูกหนี้ที่หมด
มาตรการช่วยเหลือในไตรมาส 4/63 บางส่วนอาจกลายเป็น NPL
หุ้นLaggarน่าลงทุน
อย่างไรก็ตามปัจจัยบวกที่สาคัญในปีนี้ คือ ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ที่คาดว่าจะลดลง โดยฝ่ายวิจัยคาดไว้ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท ลดลงจาก 3.1 หมื่นล้านบาทในปีก่อนมาก โดยจะเห็นแนวโน้มที่ชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ปัจจุบันราคาหุ้น BBL ยัง Laggard กลุ่มฯ ยังคงราคาเป้าหมายที่ 151 บาท อิง PBV 0.63 เท่า โดยราคาหุ้นปัจจุบันยังคิดเป็น Forward PBV เพียง 0.53 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มฯ นอกจากนี้ธนาคารยังประกาศจ่ายปันผล 2.50 บาท (XD 21 เม.ย. 64) คิดเป็น Div. Yield ราว 2% จึงยังคงคาแนะนา “ซื้อ”
เมิน “โควิด”-กำไรพุ่ง93.6%
“นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ฟิลลิป” เปิดเผยว่า แนะนำ “ทยอยซื้อ” BBL เป้าหมาย 131 บาท เนื่องจากลูกค้าไม่ค่อยได้รับผลกระทบจาก COVID-19 เพราะสินเชื่อส่วนใหญ่ของ BBL นั้นเป็นสินเชื่อรายใหญ่ โดยสินเชื่อรายใหญ่รวมกับสินเชื่อต่างประเทศคิดเป็นถึง 64% ของสินเชื่อทั้งหมด ทำให้ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และปี 64 BBL ตั้งเป้าจะปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น 3-4% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ทั้งนี้ BBL ยังมีสำรองเพียงพอกับคุณภาพสินทรัพย์ในขณะนี้ ซึ่ง BBL มี NPL อยู่ 3.9% และมีสำรองต่อ NPL 181.6% ซึ่งทาง BBL มองว่าเพียงพอแล้ว ทำให้ปี64 จะมีการลดระดับการตั้งสำรองลงเหลือ 2.2 หมื่นล้านบาท จากปี 63 ที่ตั้ง 3.1 หมื่นล้านบาท และการรวมกำไรจาก Permata เต็มปี ทำให้คาดว่ากำไรสุทธิปี 64 จะเติบโตสูงขึ้นมากที่ 3.3 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 93.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน ดังนั้นจึงแนะนำ “ทยอยซื้อ” ด้าน “บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง” แนะนำ “ซื้อ” BBL เป้าหมาย 160 บาท
www.mitihoon.com