ทำงานที่ไหนก็ได้ไม่ใช่แค่เทรนด์ !! องค์กรในไทย “THiNKNET – Builk – SCB

130

 

มิติหุ้น – ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เทรนด์การทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) ถูกพูดถึงว่าเป็นอนาคตของโลกการทำงาน (Future of Work) ซึ่งพนักงานออฟฟิศหลายคนต่างใฝ่ฝันที่จะได้ทำงานรูปแบบนี้   

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้องค์กรต่าง ๆ ในไทยทดลองให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) มากขึ้น ซึ่งหลายองค์กรก็มีผลลัพธ์ในด้านประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น จึงได้เริ่มปรับนโยบายให้พนักงานสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) ไปตลอด ซึ่งรูปแบบการทำงานนี้อาจจะกลายเป็นเรื่องปกติของการทำงาน และจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดคนทำงานรุ่นใหม่ให้เข้ามาทำงานกับองค์กรด้วย

ด้วยเหตุนี้จ๊อบไทย (JobThai) ในฐานะผู้นำบริการแพลตฟอร์มหางานและสมัครงานออนไลน์ของประเทศไทย จึงพาไปเจาะลึก 3 บริษัทในไทยที่ให้พนักงานทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) ไปตลอด

 THiNKNET – บริษัท ทิงค์เน็ต จำกัด

ทิงค์เน็ต เป็นบริษัทไอทีด้านการบริหารจัดการข้อมูลเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นประโยชน์กับสังคมไทยและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ได้มีการปรับให้พนักงานทำงานที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) โดยปรับรูปแบบการทำงาน (Workflow) ให้พร้อมกับวิธีการทำงานแบบใหม่ และจัดสรรเครื่องมือและเทคโนโลยีให้พนักงานทำงานได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม

พัฒนาแอปฯ จัดการงานทรัพยากรบุคคล และเทคโนโลยีครบครันเพื่อความสะดวกในการทำงาน

การทำงานแบบเดิมที่ต้องทำงานออฟฟิศ 9 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็นไม่มีอีกต่อไป เพราะทิงค์เน็ตให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ของการทำงานมากกว่า พนักงานสามารถจัดเวลาการทำงานของตัวเองได้ โดยทิงค์เน็ตได้พัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้ในการบริหารจัดการพนักงานสำหรับการทำงานจากระยะไกล (Remote Working) โดยแอปพลิเคชันนี้มีหน้าที่ในการจัดการเรื่องเข้า-ออกงาน และการแจ้งลา เป็นต้น นอกจากนี้ ยังยืดหยุ่นเวลาทำงานมากขึ้นจากเดิมที่ให้พนักงานเข้างาน 9 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น ปรับเป็นการเก็บชั่วโมงทำงานให้ครบ 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งช่วยให้การทำงานคล่องตัวขึ้น นอกจากนี้ยังมีการจัดสรรเครื่องมือทำงาน ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมสำหรับการสื่อสาร โปรแกรมจัดการเอกสารออนไลน์ และโปรแกรมเฉพาะสำหรับงานของแต่ละทีม รวมถึงคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก และอุปกรณ์สำนักงานอย่างโต๊ะทำงาน เก้าอี้ และอุปกรณ์อื่น ๆ อีกด้วย

 ปรับออฟฟิศรับวิถีการทำงานแบบ New Normal

ออฟฟิศของทิงค์เน็ตได้มีการปรับสถานที่ทำงานให้รองรับกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป โดยจากเดิมที่มีโต๊ะประจำถูกเปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานแบบ Openplan Office และจัดตู้ล็อกเกอร์เพื่อให้พนักงานสามารถเก็บของส่วนตัว และยังมีการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนรวมตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์การประชุมที่ทันสมัยสามารถเชื่อมต่อกับการทำงานออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 พนักงานมีความสุขในการทำงานจากที่ไหนก็ได้

การทำงานที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) มีผลตอบรับที่ดีจากพนักงานทิงค์เน็ต ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทำให้พวกเขามีเวลาไปทำกิจกรรมที่ต้องการมากขึ้น พนักงานที่มีครอบครัวอยู่ต่างจังหวัดก็สามารถไปทำงานที่บ้านต่างจังหวัดและมีเวลาดูแลครอบครัว ส่วนพนักงานที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานได้ตามต้องการ และพนักงานหลายคนก็มีเวลาไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม หรือทำงานอดิเรกได้

 ทิงค์เน็ต มีตำแหน่งงานน่าสนใจกำลังเปิดรับสมัคร เช่น Software Engineer (Web Developer), Site Reliability Engineer, Software Quality Assurance, Content Marketing Specialist, Product Marketing Specialist

 Builk – บริษัท บิลค์ วัน กรุ๊ป

 บิลค์ วัน กรุ๊ป บริษัทเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่มีนโยบายให้พนักงานทำงานที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) จากความเชื่อเดิมที่ว่าการนำคนมารวมกันอยู่ในสถานที่เดียวกันเป็นสิ่งที่ดี จึงมองหาพื้นที่สำหรับขยายออฟฟิศให้ใหญ่ขึ้นอยู่เสมอ แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้บิลค์ได้ทดลองให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) ซึ่งพบว่าองค์กรและพนักงานต่างได้ประโยชน์จากการทำงานแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายเรื่องสถานที่ ค่าเดินทาง และยังสามารถจัดสรรเวลาของตัวเองได้มากขึ้น

 นโยบาย Work from Anywhere มาจากการรับฟังพนักงาน และออกแบบโมเดลการทำงานของตัวเอง

บิลค์ ให้พนักงานเลือกทำงานจากที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นทำงานจากที่บ้าน หรือออฟฟิศสำนักงานใหญ่ และบิลค์ยังได้หาพื้นที่ Coworking Office กระจายในย่านต่าง ๆ เพื่อให้พนักงานที่พักอยู่ในย่านนั้นไปทำงานร่วมกันได้ โดยบิลค์มีไอเดียที่จะต่อยอดโมเดลนี้ไปใช้ในต่างจังหวัดด้วย เพราะมองว่าโมเดลนี้จะช่วยหาคนเก่งมาร่วมงานได้ และคนเก่งเหล่านั้นก็สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามที่พวกเขาต้องการได้

 การสื่อสารและเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญในการทำงานแบบ Work from Anywhere

การทำงานจากระยะไกล (Remote Working) นั้นคนไม่จำเป็นต้องมาอยู่ร่วมกันในที่เดียวกัน การสื่อสารจึงเป็นสิ่งสำคัญในการทำงานแบบนี้ โดยผู้บริหารมีการสื่อสารกับพนักงานมากขึ้นเพื่อให้มองเป้าหมายเดียวกันชัดเจน และในการทำงานต้องมีการประสานงานกันมากขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องมีความพร้อมในเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัลและเครื่องมือในการบริหารจัดการงานด้านต่าง ๆ ซึ่งบิลค์เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีระบบซอฟต์แวร์รองรับการทำงานอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์สำหรับจัดการอนุมัติเอกสาร การจองสถานที่ที่ออฟฟิศ รวมถึงงานด้านบัญชี ดังนั้นการปรับให้พนักงานทำงานที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) จึงทำได้อย่างรวดเร็ว

เลือกคนให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมองค์กร

คนที่จะทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) ต้องเป็นคนที่สร้างแรงจูงใจในการทำงานได้ด้วยตัวเอง (SelfMotivated) เนื่องจากการทำงานจากที่ไหนก็ได้จะผสานเรื่องงานและชีวิตส่วนตัวเข้าด้วยกัน (Work-Life Harmony) มากขึ้น นอกจากนี้จะต้องมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซี่งเป็นปัจจัยสำคัญในการคัดเลือกคนมาร่วมงานกับบิลค์

เมื่อรูปแบบการทำงานเปลี่ยนไป การสร้างวัฒนธรรมองค์กร รวมถึงการสร้างประสบการณ์การทำงานของพนักงานให้เกิดความประทับใจ (Employee Experience) เป็นสิ่งที่บิลค์ให้ความสำคัญ โดยบิลค์มีทีม People Communication ที่รวมคนจากหลายแผนกมาสร้างกิจกรรมต่าง ๆ อยู่เสมอ

ตำแหน่งงานที่บิลค์เปิดรับสมัครอยู่ในขณะนี้มีหลายตำแหน่ง เช่น Business Analyst, Sales Executive ERP Software 

SCB – ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

หลังจากที่ SCB มีนโยบายให้พนักงานทำงานที่บ้านเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แล้วพบว่าพนักงานสามารถทำงานได้โดยมีประสิทธิภาพในการทำงาน (Productivity) มากขึ้น SCB จึงได้นำคอนเซปต์การทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) มาปรับใช้เพื่อตอบโจทย์วิถีการทำงานใหม่

 การทำงานสะดวกและรวดเร็วขึ้น

การทำงานในองค์กรขนาดใหญ่มักมีกระบวนการพิจารณา และอนุมัติเอกสารหลายขั้นตอน ทำให้มีข้อจำกัดเรื่องความเร็วในการทำงาน การทำงานจากระยะไกล (Remote Working) ทำให้ SCB ทลายกรอบการทำงานแบบเดิม ๆ เช่น กระบวนการรับพนักงานใหม่ ซึ่งต้องมีการอนุมัติเอกสารหลายขั้นตอน ยิ่งในองค์กรใหญ่แล้ว การจัดเก็บและแสดงข้อมูลอย่างทั่วถึงทำได้ยาก แต่เมื่อปรับรูปแบบการทำงานมาเป็นออนไลน์ ทำให้สามารถเชื่อมต่อข้อมูล และจัดการแสดงผลข้อมูลได้ตรงกันทั้งหมด รวมถึงสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ปรับปรุงกระบวนการได้สะดวกยิ่งขึ้น

 มองที่เป้าหมายมากกว่าเวลาเข้า-ออกงาน การสื่อสารและ Collaboration คือสิ่งสำคัญ

เวลาเข้า-ออกงาน ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญของการทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) เพราะปัจจัยสำคัญของการทำงานแบบนี้อยู่ที่เป้าหมายและผลลัพธ์ของงาน โดยในแต่ละแผนกสามารถวางแผนงานและบริหารจัดการวิธีการทำงานของตัวเองได้โดยยึดถือวัฒนธรรมการทำงานเดียวกัน และอาศัยสิ่งที่สำคัญในการทำงานคือการสื่อสารมากขึ้

การเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) ของ SCB สามารถบริหารจัดการให้พนักงานทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีในการทำงานร่วมกัน (Collaboration) และพร้อมที่จะปรับตัวตามสถานการณ์อยู่เสมอ

ความสุขของพนักงานเป็นสิ่งสำคัญ

พนักงาน SCB ต่างมีความสุขกับการทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) เพราะทำให้จัดการบริหารเวลาได้มากขึ้น ไม่ต้องเผชิญปัญหารถติด ซึ่ง SCB ก็มองถึงความสุขของพนักงานในหลายมิติ ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต โดย SCB ได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลเพื่อดูแลเรื่องสุขภาพให้กับพนักงานแบบออนไลน์ สามารถพบหมอเพื่อปรึกษาอาการเจ็บป่วยจากที่ไหนก็ได้ พร้อมทั้งส่งยาไปให้ที่บ้าน และยังมีนักจิตวิทยาคอยให้คำปรึกษาเรื่องการจัดการความเครียดให้กับพนักงานด้วย

            ตำแหน่งงานที่ SCB เปิดรับและสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ มีหลากหลายตำแหน่งในทุก Function ไม่ว่าจะเป็นในฝั่ง Digital , Data Analytic, Operations, รวมถึง Back Office

 ปัจจุบันทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยยังคงเจอกับสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้โลกของการทำงานมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การทำงานต้องมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยองค์กรต่าง ๆ มีการทำงานแบบผสมผสาน (Hybrid Working) ด้วยการทำงานระยะไกล (Remote Working) ทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) ผสมกับการทำงานที่ออฟฟิศ ด้านการจ้างงานเองความยืดหยุ่นนี้ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้องค์กรสามารถสรรหาคนเก่งได้จากทั่วประเทศหรือจากที่ไหนก็ได้ ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลจะต้องมีการปรับวิธีการทำงานให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่กระบวนการสรรหา (Recruitment) การดูแลพนักงานใหม่ (Onboarding) เพื่อให้พนักงานปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในการทำงานแบบใหม่ รวมทั้งวิธีการที่จะรักษาความสัมพันธ์ของพนักงานให้ดียิ่งขึ้นแม้ต้องเจอหน้ากันน้อยลง เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการรักษาวัฒนธรรมองค์กรด้วย ด้านคนทำงานต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์อยู่เสมอและพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่นและการปรับตัว (Resilience & Adaptability) และต้องไม่หยุดเรียนรู้พัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในอนาคตอยู่เสมอ

www.mitihoon.com