ในสถานการณ์การลงทุนที่มีความผันผวนอยู่ในขณะนี้ นักลงทุนจะต้องเลือกหาการลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่จำกัด ที่สำคัญคือผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งยังมีอยู่หรือไม่ “มิติหุ้น” จึงขอนำเสนอหุ้นน้องใหม่ไอพีโอที่ครบเครื่องในกลุ่มสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 นั่นก็คือ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือที่รู้จักกันในนาม หุ้น “TIDLOR” โดยเป็นทั้งผู้ให้บริการสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันครบวงจร (รถจักรยานยนต์ รถยนต์ รถบรรทุก รถไถ และรถแทรกเตอร์) สินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง และบริการนายหน้าประกันภัย ภายใต้ชื่อแบรนด์ “เงินติดล้อ” ซึ่งเป็นแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก และมีการรับรู้ในแบรนด์ของบริษัทฯ (Brand awareness) ถึงร้อยละ 100 และมี “การรับรู้ที่หนึ่งในใจ” (Top of Mind) อยู่ที่ร้อยละ 49 ซึ่งจัดเป็นอันดับแรกเมื่อเทียบกับผู้ให้บริการรายอื่นในธุรกิจเดียวกัน (จากการวิจัยโดยอิปซอสส์ในเดือนพฤศจิกายน 2562) โดยมีรูปแบบธุรกิจที่มุ่งขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการแก่ลูกค้ารวมถึงสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์และบริการของเงินติดล้อ สามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ การให้สินเชื่อและการเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิต
โมเดลธุรกิจที่แตกต่าง พร้อมผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง
เงินติดล้อมีจุดเด่นจากการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ และสร้างความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้า โดยเงินติดล้อให้บริการลูกค้าผ่านหลากหลายช่องทาง (Omni-Channel) ทั้งจากสาขา 1,076 แห่งครอบคลุมพื้นที่ 74 จังหวัดทั่วประเทศ และเสริมโดยเครือข่ายการส่งต่อลูกค้าผ่านตัวแทน เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายทางโทรศัพท์ ตัวแทนจำหน่ายรถบรรทุกมือสอง และสาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยา รวมทั้งยังมี Call center 24 ชม. และช่องทางออนไลน์ เพื่อลดช่องว่างและสร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการด้านการเงินให้กับประชากรกลุ่มใหญ่ของประเทศไทย ผ่านการบริหารจัดการโดยทีมผู้บริหารมืออาชีพที่มากด้วยประสบการณ์ เงินติดล้อ กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันด้วยส่วนแบ่งการตลาดในปี 2562 เป็นอันดับที่ 1 ในประเทศไทย โดยคิดเป็นประมาณร้อยละ 16 เมื่อคำนวณจากยอดหนี้คงค้าง ขณะที่รายได้รวมในช่วง 3 ปี (61-63) อยู่ที่ 7,569.4 ล้านบาท 9,457.9 ล้านบาท และ 10,558.9 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิในช่วง 3 ปี (61-63) อยู่ที่ 1,306.2 ล้านบาท 2,201.7 ล้านบาท และ 2,416.1 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 36.0% พร้อมศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยแผนการขยายสาขาอีกประมาณ 500 แห่งภายในปี 2566 และการลงทุนด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี พัฒนาแพลตฟอร์มทางการเงินและเปลี่ยนผ่านกระบวนต่างๆ สู่ดิจิทัล (Digital Transformation) เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน พร้อมสร้างความแข็งแกร่งให้แพลตฟอร์มนายหน้าประกันภัยและมุ่งสู่การเป็นนายหน้าประกันภัยชั้นนำของประเทศไทย
เสนอขายไอพีโอสูงสุดติดTOP 5
เงินติดล้อ พร้อมเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 907,428,600 หุ้นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 39.1 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการ IPO ในครั้งนี้ โดยแบ่งออกเป็น (1) การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของเงินติดล้อจำนวนไม่เกิน 210,816,700 หุ้น (2) การเสนอขายหุ้นสามัญเดิมโดยธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำนวนไม่เกิน 284,144,300 หุ้น และ (3) การเสนอขายหุ้นสามัญเดิมโดย Siam Asia Credit Access Pte. Ltd. จำนวนไม่เกิน 412,467,600 หุ้น และอาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Greenshoe หรือ Over-allotment Option) จำนวนไม่เกิน 136,114,200 หุ้นหรือคิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 15.0 ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด
พร้อมกำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นเบื้องต้นที่ 34.00 – 36.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวมไม่เกิน 35,480 – 38,089 ล้านบาท (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) นับเป็น IPO ของหุ้นในหมวดธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุด และเป็น IPO หุ้นที่มีมูลค่าการเสนอขายสูงที่สุด 5 ลำดับแรกในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย
นักลงทุนรายย่อยที่สนใจร่วมเป็นเจ้าของและเติบโตไปกับเงินติดล้อ สามารถจองซื้อหุ้นในระหว่างวันที่ 22 – 26 เมษายน 2564 นี้ ผ่านช่องทางออนไลน์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (สำหรับบุคคลที่เป็นลูกค้าของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เท่านั้น) ด้วยวิธีการจัดสรรหุ้นแบบ Small Lot First กำหนดจำนวนจองซื้อหุ้นขั้นต่ำที่ 1,000 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่า 36,500 บาทที่ราคาเสนอขายสูงสุด โดยคาดว่าจะเข้าซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้
เปิดแผนลงทุน TIDLOR
สำหรับแผนการใช้เงินจากการระดมทุนครั้งนี้ จะใช้เป็นเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจให้สินเชื่อและนายหน้าประกันภัย ราว 1,150 ล้านบาท , ปรับโครงสร้างเงินทุนโดยการชำระคืนหนี้บางส่วน 5,500-6,000 ล้านบาท และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนอีกราว 518-545 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 7,168-7,695 ล้านบาท ขณะที่นโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิ
นักลงทุนสถาบันสนใจเพียบ
ด้านนายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TIDLOR กล่าวว่า การนำเงินติดล้อเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในครั้งนี้ตนเองและทีมงานผู้บริหารของเงินติดล้อมีความมั่นใจในศักยภาพและความพร้อมที่จะก้าวสู่การเติบโตครั้งสำคัญ เพราะบริษัทมีความแตกต่างที่โดดเด่นจากผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการมุ่งเน้นขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านการให้บริการด้วยความจริงใจจากพนังงานชาวเงินติดล้อกว่า 5,000 ราย ดังนั้น TIDLOR จะเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวสำหรับนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและในต่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนรายย่อย ที่จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการลงทุน และสร้างความคึกคักให้กับตลาดทุนไทยอีกด้วย
“ล่าสุดมีนักลงทุนสถาบันคุณภาพที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศจำนวนรวม 32 ราย ลงนามในสัญญาลงทุนในหุ้น TIDLOR เพื่อเป็น Cornerstone Investors คิดเป็นจำนวนหุ้นรวม 626.0 ล้านหุ้น หรือประมาณร้อยละ 69.0 ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในครั้งนี้ (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) และพร้อมเปิดให้นักลงทุนรายย่อยได้จองซื้อ IPO เพื่อร่วมเป็นเจ้าของและเติบโตไปด้วยกัน”นายปิยะศักดิ์ กล่าว