บลูบิค (BLU) ยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต. เสนอขาย IPO

315

มิติหุ้น – บลูบิค (Bluebik หรือ “BLU”) บริษัทคอนซัลต์ชั้นนำผู้ให้บริการที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เดินหน้ายื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 25 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ปีนี้ เป้าหมายในการระดมทุนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ มุ่งสู่การเป็นบริษัทคอนซัลต์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันชั้นนำระดับภูมิภาค พร้อมชูจุดแข็งธุรกิจผ่าน 5 บริการครอบคลุมทุกกระบวนการทรานส์ฟอร์ม เพื่อสร้างคุณค่าและผลลัพธ์ทางธุรกิจที่จับต้องได้ให้องค์กรยุคใหม่

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาในการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาปรับใช้อย่างครบวงจร เพื่อยกระดับขีดความสามารถและปลดล็อกศักยภาพทางธุรกิจให้กับองค์กรขนาดใหญ่ มีความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยวัตถุประสงค์ของการระดมทุน ได้แก่ 1. สรรหาบุคลากรคุณภาพสูงและเสริมสร้างทักษะด้านดิจิทัล อาทิ องค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีคลาวด์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และบล็อกเชน เพื่อรองรับการขยายขอบเขตการให้บริการสำหรับภาคธุรกิจที่มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น 2. พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อให้บริการซอฟต์แวร์ผ่านอินเทอร์เน็ต (Software-as-a-Service หรือ SaaS) รวมทั้งจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Research and Development Center) ที่จะช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้านดิจิทัลอย่างครบวงจร 3. เสริมศักยภาพการบริหารจัดการภายใน ผ่านการยกระดับระบบซอฟต์แวร์เพื่อรองรับการเติบโตขององค์กร 4. ปรับปรุงพื้นที่สำนักงานเพื่อรองรับการขยายจำนวนบุคลากรในอนาคต และ 5. ลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องและธุรกิจที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และกระจายความเสี่ยงจากภาวะความผันผวนของตลาด โดยบลูบิคมีบริการหลักทั้งสิ้น 5 ด้าน ดังนี้

1) บริการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการ (Management Consulting) ทำหน้าที่ค้นหาปัจจัยความสำเร็จของธุรกิจ กำหนดทิศทางกลยุทธ์ด้านต่าง ๆ รวมถึงวิเคราะห์ผลกระทบและโอกาสเชิงเศรษฐศาสตร์จากการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงธุรกิจ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มที่สามารถจับต้องได้จากการลงทุนของเทคโนโลยี ที่จะทำให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด (Exponential Growth)

2) บริการที่ปรึกษาการบริหารจัดการโครงการเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic PMO) ทำหน้าที่บริหารโครงการขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนสูงให้กับองค์กรขนาดใหญ่ และการวางโครงสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศภายในองค์กร ซึ่งจะช่วยให้สามารถดำเนินงานได้ตามกรอบระยะเวลาและงบประมาณที่กำหนดไว้

3) บริการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery) ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาเชิงลึกด้านดิจิทัลครบวงจรและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับองค์กร อาทิ การออกแบบประสบการณ์ของผู้ใช้งานและส่วนติดต่อระหว่างผู้ใช้กับระบบ (UX/UI) บนหน้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานอย่างไร้รอยต่อ (Seamless Experience) โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและเพิ่มความคล่องตัวให้กับธุรกิจ

4) บริการที่ปรึกษาด้านการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Big Data & Advanced Analytics) ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมทั้งให้คำแนะนำในการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล เพื่อขับเคลื่อนการนำข้อมูลไปใช้สร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม (Data-Driven Organization)

5) บริการด้านทรัพยากรบุคคลชั่วคราวที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Staff Augmentation) ทำหน้าที่ให้บริการจัดหาพนักงานผู้เชี่ยวชาญทางด้านไอที อาทิ โปรแกรมเมอร์ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อไปปฏิบัติงานตามกำหนดระยะเวลาจนจบโครงการ

สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 – 2563 มีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 132.76 ล้านบาท 184.94 ล้านบาท และ 200.53 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ร้อยละ 22.90 ขณะเดียวกันมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 19.22 ล้านบาท 31.71 ล้านบาท และ 44.29 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ร้อยละ 51.81 ซึ่งเป็นผลจากกระแสการเปลี่ยนแปลงโลก (Mega Trends) ที่ผลักดันให้องค์กรธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานให้เข้าสู่ยุคดิจิทัล หรือ ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันโดยแสวงหาประโยชน์จากเทคโนโลยี ผนวกกับความเชี่ยวชาญของบลูบิคในฐานะผู้ให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี จึงสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“จุดแข็งที่ทำให้ บลูบิค เป็นบริษัทคอนซัลต์ที่สามารถให้คำปรึกษาด้านการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันได้อย่างครบวงจร คือความเข้าใจบริบทการทำธุรกิจในประเทศไทย มีบุคลากรคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเทียบชั้นบริษัทระดับโลก และตามทันการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของโลกธุรกิจ ทำให้เราสามารถเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างการเติบโตให้ธุรกิจไทยได้อย่างแท้จริง จากความสำเร็จในการให้บริการลูกค้าองค์กรภายในประเทศ ทำให้บลูบิคมุ่งมั่นจะก้าวไปสู่การเป็นบริษัทคอนซัลต์ชั้นนำระดับภูมิภาค เพื่อนำองค์ความรู้และคุณภาพการทำงานระดับมาตรฐานสากล ไปสร้างคุณค่าทางธุรกิจให้กับองค์กรในหลากหลายภาคอุตสาหกรรมให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวในยุค Digital Economy” นายพชร กล่าว

www.mitihoon.com