มิติหุ้น – นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า การกลับมาระบาดของ COVID-19 ระลอก 3 ในประเทศไทยนั้นถือว่าเป็นปัจจัยที่มีผลให้ราคาทองคำในประเทศไทยยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน(30 เม.ย. 2564) ราคาทองคำในประเทศ ปรับตัวลดลงแล้ว 700 บาทต่อบาททองคำ หรือ 2.61% จากราคาเปิดปีที่ 26,850 บาทต่อบาททองคำ สู่ระดับ 26,150 บาทต่อบาททองคำ ในขณะที่ราคาทองคำในตลาดโลกที่นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวลดลงถึง 125.37 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 6.61% จะเห็นได้ว่าราคาทองคำในประเทศปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาทองคำในตลาดโลกเนื่องจากได้รับแรงหนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงในช่วงนี้จากความกังวลของ COVID-19
อย่างไรก็ดีในปีนี้ภาพรวมของตลาดทองคำในประเทศไทยกลับคึกคักมากขึ้น โดยได้อานิสงส์เชิงบวกจากราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ทำให้ปีนี้ในช่วงไตรมาสแรกราคาทองคำในประเทศปรับตัวลดลงแตะ 24,400 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี จึงเริ่มได้เห็นนักลงทุนทองไทยทะยอยกลับมาซื้อทองคำอีกครั้ง หลังจากในปีที่แล้วนักลงทุนทองคำในประเทศเทขายทองคำที่ถืออยู่เพื่อเติมเต็มความต้องการเงินสด จนกดดันอุปสงค์ทองคำในภาคการลงทุนทองคำแท่งและเหรียญทองของไทยอย่างหนัก
ไม่เพียงเท่านี้จากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ยังส่งผลให้มีนักลงทุนหน้าใหม่เข้าสู่ตลาดทองคำมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนหน้าใหม่ที่เปิดบัญชีออมทองคำ “YLG Gold saving” โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2564 เพิ่มขึ้นถึง 851% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 200% จากไตรมาส 4 ปี 2563 ซึ่งสาเหตุที่มีผู้สนใจมาเปิดบัญชีจำนวนมากเพราะสามารถซื้อขายทำกำไรได้แบบเรียลไทม์และใช้เงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 100 บาท ส่วนคำแนะนำสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ คือ ใช้วิธีการซื้อเฉลี่ยต้นทุนอย่างต่อเนื่องหรือ Dollar Cost Average (DCA) เพราะเป็นวิธีการลงทุนที่ใช้วินัย แทนอารมณ์ ที่สำคัญคือสะดวก เหมาะกับผู้ที่มีความสนใจ จะลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่ง แต่ยังไม่มีความรู้เรื่องการจับจังหวะตลาดที่มากพอ ไม่มีเวลาในการติดตามราคา และอาจจะยังไม่พร้อมที่จะลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่ซึ่งวิธีการนี้ใช้ได้กับทุกสินทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นหุ้น หรือ แม้กระทั่งทองคำ
www.mitihoon.com