SC ยอดขายบ้านเดี่ยวพุ่งดันQ1แกร่ง-ติดชาร์ตหุ้นปันผลสูง “น่าสะสม”

703

 

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น”รายงานว่า บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น หรือ SC โดย “นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา” นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานไตรมาส 1/64 คาดกำไรอยู่ที่ 354 ล้านบาท เติบโต 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ช่วงโควิด-บ้านขายดี

โดยเป็นผลมาจากรายได้จากการขายจะสูงเป็น 3.75 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสัดส่วนค่าใช้จ่ายขาย-บริหารเทียบกับรายได้ลดต่ำลงเป็น 18.7%จากฐานรายได้ที่สูง แต่ค่าใช้จ่ายไม่มาก ตามการเปิดขายโครงการใหม่น้อย และเน้นโฆษณาผ่านออนไลน์ ซึ่งค่าใช้จ่ายต่ำกว่าสื่ออื่นๆ

ส่วนยอดขายไตรมาส 1/64 ทำได้สูงมาก 5.7 พันล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 188% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  และ 35% จากไตรมาสก่อน หากพิจารณาเป็นรายสินค้า พบว่า “บ้านแนวราบ” มียอดขายเป็น 4.6พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 121% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 34% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน  ตั้งแต่มีการระบาดโควิด-19 บริษัทสามารถทำยอดขายบ้านแนวราบได้ดีมาก

ขณะที่ยอดขายเฉพาะ “คอนโดมิเนียม” เป็น 1.1 พันล้านบาท ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ -85 ล้านบาท ซึ่งติดลบเพราะมียอดยกเลิกมากกว่ายอดขาย และเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน  ด้วยกลยุทธ์ที่บริษัท “ลดราคา” เพื่อระบายสต็อก นำกระแสเงินสดกลับมายังบริษัท อีกทั้งคอนโดใหม่ก็ช่วยดันยอดขาย เช่น SCOPE พร้อมศรี ขายได้ราว 30% หรือ 300 ล้านบาทเศษ และคอนโด JVThe Crest Park Residencesขายได้เพิ่มอีก 75 ล้านบาท

โชว์แบ็คล็อคเต็มมือ

ด้านยอดขายรอโอน (Backlog) จะเพิ่มขึ้นมาก จากสิ้นปี 63 มี Backlog เหลืออยู่5.6พันล้านบาท และในงวดไตรมาส 1/64  ก็สามารถทำยอดขายได้สูงมาก 5.7 พันล้านบาท แต่ยอดโอนกลับน้อยที่ 3.75 พันล้านบาท จึงคาดว่า Backlog ณ ปลายไตรมาส 1/64 จะเพิ่มขึ้นเป็น 7.55 พันล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นถึง 35% จากสิ้นปี 63 โดยคาดว่าจะทำให้มีแรงส่งเป็นโมนตัมของกำไรในไตรมาสถัดๆไป

อีกทั้งการเปิดขายโครงการใหม่เพิ่มอีกมากในช่วงที่เหลือของปีนี้ก็จะช่วยเสริม นั่นคือ ปีนี้จะเปิดขายทั้งหมด 11 โครงการ มูลค่าขาย 1.7 หมื่นล้านบาท เทียบกับปี 63 เปิดขายทั้งหมด 12โครงการ มูลค่าขาย 1.43 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้คาดว่า SC จะได้ประโยชน์สูงจากมาตรการกระตุ้นภาครัฐ หากมาตรการที่รัฐบาลกำลังแก้กฎหมาย เปิดทางให้นักลงทุนต่างชาติซื้ออสังหาฯ คือคอนโดฯ-บ้านแนวราบได้มากขึ้น และมีการดำเนินการออกมาจริง

เนื่องจากปัจจุบัน SC มีส่วนครองตลาดสูงสุดในบ้านแนวราบราคา 10-20 ล้านบาทในปี 63 ที่16% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 62 ที่ 9% (ข้อมูลจากSC, AREA) และตามแผนงานแล้ว ในปี 64 นี้ บริษัทจะมีโครงการทั้งสิ้น 69 โครงการ ที่มูลค่าขาย 5.75หมื่นล้านบาทแบ่งเป็นแนวราบ 64% หรือ 36.9 พันล้านบาท และคอนโด 36% หรือ20.6 พันล้านบาท

ทั้งนี้ในโครงการบ้านแนวราบ จะมีระดับราคา 10-20 ล้านบาทมากถึง 16 โครงการ และคิดเป็น 39% จากมูลค่าทั้งหมด และ ณ สิ้นปี 63 มีสต็อกคอนโดที่สร้างเสร็จแล้วพร้อมขาย-โอนที่มูลค่า 6.7 พันล้านบาท

หุ้นยิลด์สูง6.5%-น่าสะสม

ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” กำหนดราคาพื้นฐานเป็น 3.58 บาท ประเมินด้วย Forward P/E ที่8.0 เท่า คาดว่ากำไรหลักปีนี้จะลดลง 3% จากปีก่อน เพราะมี Backlog คอนโดที่ไม่มาก สำหรับปี 65 กลับมาเติบโตได้ 17% เมื่อเทียบกับปีก่อน  เนื่องจากเริ่มโอนคอนโด SCOPE หลังสวนที่มีกำหนดการก่อสร้างเสร็จในปี 65

รวมถึง  SC จ่ายปันผลได้สูง คาดการณ์ยิลด์ปันผลปี 64 และปี 65 เป็น 5.6% ,6.5% ตามลำดัล ทั้งนี้ที่ราคาพื้นฐานจะคิดเป็น P/E และ P/BV ปี 65 ที่เพียง 6.9 และ 0.7 เท่าตามลำดับ ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบัน มีP/E และ P/BV ปี64 ที่ 7.5และ 0.7 เท่าตามลำดับ ซึ่งไม่ได้แพงมาก และคาดว่าบริษัทจะบรรลุเป้าอันดับ 1บ้านเดี่ยวในใจผู้บริโภคได้ ตามกลยุทธ์ที่จะเร่งซื้อที่ดิน และเปิดขายโครงการบ้านแนวราบมากในปี 65-66 ขณะที่บริษัทมีภาพลักษณ์ที่ดีเกี่ยวกับความคุ้มค่าของพื้นที่ใช้สอยที่มาก คุณภาพและความสวยงามในการออกแบบโครงการได้เป็นอย่างดีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

www.mitihoon.com